โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ระบบฮอร์โมนผิดปรกติ อาการคอบวม ไม่มีอาการเจ็บ มีไข้บ่อยๆ น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจเป็นอาการของโรค แนวทางการรักษาต้องทำอย่างไรอาการคอบวม โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคฮอร์โมน โรคไม่ติดต่อ

มะเร็งต่อมน้ำเหลือง Lymphoma cancer ) คือ การเกิดเซลล์มะเร็งที่ระบบต่อมน้ำเหลือง ซึ่งส่งผลต่อระบบฮอร์โมน ส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานทั่วร่างกาย สามารถรักษาได้หากพบในระยะต้นๆ โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองสามารถพบได้ทุกเพศทุกวัย ไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรค โดยอาการเบื้องตน เช่น มีไข้บ่อยๆ ปวดหัว คลื่นไส้อาเจียน อ่อนเพลีย คอบวมโตแต่ไม่เจ็บ แขนขาอ่อนแรง ท้องอืดท้องเฟ้อเรื้อรัง

ประเภทของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

สำหรับประเภทของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เราสามารถแบ่งประเภทของโรคนี้ 2 ประเภท คือ โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองนอน-ฮอดจ์กิน และ โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองฮอดจ์กิน โดยรายละเอียด มีดังนี้

  • มะเร็งต่อมน้ำเหลืองนอน-ฮอดจ์กินNon-Hodgkin’s lymphoma ) เกิดจากเม็ดเลือดขาวชื่อ ลิมฟ์โฟไซท์  ( lymphocyte ) ชนิด B หรือชนิด T เกิดความผิดปกติ ทำให้เกิดความผิดปกติของต่อมน้ำเหลือง เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่พบมากที่สุดในประเทศไทย
  • มะเร็งต่อมน้ำเหลืองฮอดจ์กินHodgkin’s lymphoma ) เกิดจากเม็ดเลือดขาวชื่อ ลิมฟ์โฟไซท์ ( lymphocyte ) ชนิด B หรือชนิด T เกิดความผิดปกติ ทำการแบ่งตัวโดยไม่สามารถควบคุมได้

สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

สำหรับสาเหตุของการเกิดมะเร็งที่ต่อมน้ำเหลือง ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุของการเกิดโรคได้อย่างแน่ชัดได้ แต่ นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องนี้ เชื่อว่าเกิดจาก DNA ของเซลล์เม็ดเลือดขาว ชนิดลิมโฟไซต์ เกิดการกลายพันธุ์จนกลายเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด แต่สิ่งที่เป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เช่น สภาพสิ่งแวดล้อม ระบบภูมิต้านทานโรคของร่างกาย และ การติดเชื้อโรคต่างๆ เป็นต้น

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

สำหรับสาเหตุของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง มีปัจจัยต่างๆที่เป็นโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง มีดังนี้

  • สภาพสิ่งแวดล้อมของผู้ป่วย หากเป็นแหล่งที่สะสมมลพิษต่างๆ มีโอกาสเกิดโรคมากกว่าคนทั่วไป
  • ระบบภูมิต้านทานโรคของบุคคล
  • การถ่ายทอดทางพันธุ์กรรม ในกลุ่มคนที่มีประวัติคนในครอบครัวเคยป่วยโรคนี้ มีโอกาสเสี่ยงเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมากกว่าคนอื่น
  • ภาวะการติดเชื้อโรคอย่างเรื้อรัง เช่น โรคเอดส์ ผู้ป่วยโรคเอดส์มีโอกาสป่วยเป็นโรคนี้มากกว่าคนทั่วไป

อาการโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง 

สำหรับอาการของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง จะแสดงให้เห็นความผิดปรกติที่ลำคอ เนื่องจากลำคอเป็นแหล่งของต่อมน้ำเหลืองในร่างกาย จะแสดงอาการที่ คอ รักแร้ ขาหนีบ แต่ไม่มีอาการเจ็บ ลักษณะของโรคต่อมน้ำเหลือง สามารถสังเกตุได้จากอาการ ดังนี้

  • มีไข้บ่อยๆ
  • เหงื่อออกตอนกลางคืน
  • น้ำหนักลดโดยไม่มีสาเหตุ
  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
  • ติดเชื้อง่ายและมีความรุนแรงของอาการ
  • เลือดออกง่ายและเป็นแผลง่าย

ระยะของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

สำหรับอาการของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง สามามารถแบ่งได้ 4 ระยะ คือ ระยะทีหนึ่งถึงระยะที่สี่ ซึ่งอาการของโรคจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนเสียชีวิตในที่สุด รายละเอียด ดังนี้

  • มะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะแรก อาการยังไม่ลุกลาม เป็นเฉพาะบริเวณต่อนน้ำเหลืองนั้น เช่น คอ รักแร้ อัตรารอด 80-90 เปอร์เซนต์
  • มะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะที่สอง อาการเริ่มลุกลามไปบริเวณใกล้เคียง อัตรารอด 70-80 เปอร์เซนต์
  • มะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะที่สาม ต่อมน้ำเหลืองใหญ่ที่ส่วนบน ใต้กระบังลม ลำคอ ขาหนีบ ติดเชื้อมะเร็ง อัตรารอด 50-70 เปอร์เซนต์
  • มะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้าย อวัยวะอื่นได้รับเชื้อมะเร็ง เช่น ตับ สมอง และเสียชีวิตในที่สุด อัตรารอด 0-50 เปอร์เซนต์

การตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

สำหรับแนวทางการตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง มีแนวทาง คือ สอบถามประวัติการรักษาโรค รวมถึงประวัติการเกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองของญาติพ่อแม่พี่น้อง ตรวจร่างกายทั่วไปและตัดชิ้นเนื้อของต่อมน้ำเหลืองเพื่อตรวจทางพยาธิวิทยา

การรักษาโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

สำหรับการรักษาโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ต้องใช้การรักษาหลายวิธีร่วมกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ ซึ่งแนวทางการรักษาโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เช่น การเฝ้าระวังเชิงรุก (Active Surveillance) การใช้เคมีบำบัด (Chemotherapy) การใช้รังสีรักษา (Radiation Therapy) และ การปลูกถ่ายไขกระดูก (Bone Marrow Transplant) โดยวิธีการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง มีรายละเอียด ดังนี้

  • การเฝ้าระวังเชิงรุก ( Active Surveillance ) ผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง แพทย์จะใช้วิธีการติดตามอาการเป็นระยะๆ
  • การใช้เคมีบำบัด ( Chemotherapy ) ใช้ยาทางเคมีรับประทานหรือยาฉีดเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งในร่างกาย
  • การใช้รังสีรักษา ( Radiation Therapy ) เป็นการใช้รังสีพลังงานสูง เพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งในร่างกาย
  • การปลูกถ่ายไขกระดูก ( Bone Marrow Transplant ) การถ่ายไขกระดูกนำสเต็มเซลล์ที่ดีเซลล์ใหม่ ที่ได้มาจากการบริจาคฉีดเข้าไปในเลือดเพื่อสร้างไขกระดูกใหม่

อาการแทรกซ้อนของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

สำหรับอาการต่างๆของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานต่างๆของร่างกาย และ แสดงอาการแทรกซ้อน ดังนี้

  • ระบบหายใจผิดปรกติ เช่น อาการไอ หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก เกิดจากการกระทบต่อต่อมไทมัส เป็นระบบน้ำเหลืองตรงหน้าอก
  • ระบบสมองและสาตตาผิดปรกติ มีอาการปวดหัว มีอาการชัก เห็นภาพซ้อน ชาตามใบหน้า มีปัญหาการพูด
  • ผิวหนังผิดปรกติ เช่น มีอาการคัน มีก้อนนูนแดงใต้ผิวหนัง เป็นต้น

การป้องกันมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

สำหรับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคที่ชัดเจน การป้องกันการเกิดโรคจึงต้องป้องกันปัจจัยยเสี่ยงของการเกิดโรคที่สามารถควบคุมได้ แนวทางการป้องกันโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง มีดังนี้

  • ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
  • ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
  • รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์
  • เลิดดื่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์
  • เลิกสูบบุหรี่

มะเร็งลำไส้ใหญ่ หากมีอาการท้องเสียหรือท้องผูกแบบเรื้อรัง ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย อาจเป็นอาการของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ สาเหตุและการรักษาทำอย่างไรมะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคทางเดินอาหาร โรคไม่ติดต่อ โรคมะเร็ง

โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ( colon cancer ) คือ ภาวะการเกิดเนื้อร้ายที่ลำไส้ใหญ่ ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของระบบทางเดินอาหาร และ อวัยวะเกี่ยวกับการดูดซึมสารอาหารเพื่อไปเลี้ยงร่างกายมีปัญหา โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆของประชากรไทย ซึ่งพบว่าอัตราการเกิดโรคเพศชายมากกว่าเพศหญิง และ พบมากในคนอายุ 55 ปีขึ้นไป

สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

สำหรับโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ยังไม่สามารถทราบสาเหตุการเกิดโรคที่ชัดเจนได้ แต่เกิดจากปัจจัยต่างๆที่กระทบต่อลำไส้ใหญ่ ซึ่งเราสามารถสรุปปัจจัยที่อาจส่งผลให้เกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ ได้ดังนี้

  • ความผิดปรกติของเนื้อเยื่อร่างกาย การกลายพันธุ์ของยีนจนไม่สามารถควบคุมการทำงานของเซลล์ร่างกาย จนเกิดการเจริญเติบโตเป็นเซลล์มะเร็ง
  • พฤติกรรมการรับประทานอาหาร ที่นิยมรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง และ มีกากใยอาหารต่ำ
  • พันธุกรรม ในผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวมีประวัติป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ มีความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
  • อายุ คนที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป มีโอกาศเกิดโรคนี้สูง
  • การอักเสบของลำไส้แบบเรื้อรัง
  • การสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์

อาการของผู้ป่วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

สำหรับอาการของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ จะแสดงให้เห็นถึงความผิดปรกติภายในช่องท้อง และ ระบบขับถ่าย ซึ่งสามารถสรุปลักษณะของอาการผู้ป่วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ได้ดังนี้

  • ระบบขับถ่ายทำงานผิดปรกติ เช่น ท้องผูก หรือ ท้องเสีย ซึ่งเป็นแบบเรื้อรังไม่หายขาด
  • อุจจาระผิดปรกติ โดยอุจจาระเป็นเลือด และ รู้สึกถ่ายอุจจาระไม่สุด ปวดอุจจาระบ่ายๆ
  • มีอาการปวดท้อง แน่นอึดอัดเหมือนมีแก๊สในท้อง
  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
  • น้ำหนักตัวลงโดยไม่มีสาเหตุ ทั้งๆที่รับประทานอาหารได้ปรกติ

ระยะของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ จะแสดงอาการของโรคเป็น 4 ระยะ และ จะเพิ่มความรุนแรงของโรคมากขึ้นเรื่อยๆ โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ มี 4 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ถึงระยะที่ 4 รายละเอียด ดังนี้

  • มะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะแรก ในระยะนี้มีก้อนเนื้อขนาดเล็ก แต่ยังไม่ลุกลามที่ถึงผนังสำไส้ ซึ่งหากตรวจพบมะเร็งในระยะนี้โอกาสหายได้ถึง ร้อยละ 75 ถึง 80
  • มะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่สอง ในระยะนี้จะมีก้อนเนื้อลุกลามออกมาถึงเยื่อหุ้มชั้นนอกผนังลำไส้ ซึึ่งหากตรวจพบมะเร็งในระยะนี้ มีโอกาสการรักษาให้หายได้ถึง ร้อยละ 40 ถึง 70
  • มะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่สาม ในระยะนี้เซลล์มะเร็งลุกลามไปที่ระบบน้ำเหลือง ที่อยู่ใกล้ลำไส้ใหญ่ ซึึ่งหากตรวจพบมะเร็งในระยะนี้ มีโอกาสการรักษาให้หายได้ถึง ร้อยละ 20 ถึง 60
  • มะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะสุดท้าย ในระยะนี้เซลล์มะเร็งแพร่กระจายทั่วร่างกายผ่านระบบน้ำเหลืองและระบบเลือด ซึึ่งหากตรวจพบมะเร็งในระยะนี้ มีโอกาสการรักษาให้หายได้ถึง ร้อยละ 10

การวินิจฉัยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

สำหรับแนวทางการตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ สามารถตรวจได้โดยการตรวจชิ้นเนื้อ การส่องกล้องตรวจ และ การเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์เพื่อดูช่องท้อง

การรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่

สำหรับแนวทางการรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ มีหลายวิธีซึ่งสามารถรักษาให้หายขาดได้ หากตรวจพบเซลล์มะเร็งเร็ว โดยการรักษาใช้การผ่าดัด ร่วมกับการทำเคมีบำบัด และ การฉายแสง รายละเอียด ดังนี้

  • การผ่าตัด เป็นวิธีการรักษาของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซี่งแพทย์จะตัดชื้นเนื้อส่วนที่เป็นมะเร็งออก
  • การรักษาด้วยเคมีบำบัด ( Chemotherapy ) หรือ คีโม เป็นการใช้ยารับประทานเพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตและทำลายเซลล์มะเร็งในร่างกาย ซึ่งการคีโมจะใช้รักษาหลังการผ่าตัด
  • การฉายรังสี ( Radiation Therapy ) โดยการฉายรังสีเข้าไปบริเวณที่มีก้อนมะเร็ง เพื่อช่วยลดขนาดของก้อนเนื้องอกเล็กลงวิธีนี้จะใช้รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ควบคู่กับการรักษาด้วยเคมีบำบัด

ผลข้างเคียงจากการรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

สำหรับการรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ อาจส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายของผู้ป่วย ซึ่งผลข้างเคียงจากการรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ มีดังนี้

  • อาการผมร่วง ตัวซีด คลื่นไส้อาเจียน
  • มีภาวะเกร็ดเลือดต่ำ แผลจะหายช้า และ ติดเชื้อโรคได้ง่าย
  • เกิดการระคายเคืองผิวหนังบริเวณช่องท้อง
  • ส่งผลโดยตรงต่อการขับถ่าย เนื่องจากลำไส้ใหญ่ถูกตัดให้สั้นลง

การป้องกันการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ทางการแพทย์ไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคที่ชัดเจน ซึ่งสิ่งที่สามารถทำได้ คือ การหลีกเลี้ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคที่เราสามารถควบคุมได้ โดยแนวทางการป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ มีดังนี้

  1. ขับถ่ายให้เป็นเวลา
  2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง
  3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  4. พักผ่อนให้เพียงพอ
  5. ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
  6. พยายามหลีกเลี่ยงความเครียด หากิจกรรมต่างๆเพื่อทำให้ไม่เครียด

โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ หากมีอาการท้องเสียหรือท้องผูกแบบเรื้อรัง ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย อาจเป็นอาการของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ สาเหตุของโรคนี้เกิดจากอะไร แนวทางการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ มีอะไรบ้าง

ถุงกระสอบ ถุงล้อลาก ถุงสายรุ้ง ถุงการ์ตูน
ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove

สมุนไพรน่ารู้

คนทั่วไปมักเข้าใจว่าสมุนไพร คือ พืชที่สามารถนำมาทำเป็นยาเท่านั้น แต่จริงๆแล้ว สมุนไพรนั้นหมายรวมถึง สัตว์ หรือ แร่ธาตุจากธรรมชาติด้วย เราได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับสมุนไพรไทยที่สามารถใช้รักษาโรคและบำรุงร่างกาย เพื่อประโยชน์กับทุกคน
ดอกคำฝอย สมุนไพร สรรพคุณของคำฝอย
ดอกคำฝอย
ว่านชักมดลูก สมุนไพร
ว่านชักมดลูก
โด่ไม่รู้ล้ม สมุนไพร สรรพคุณของโด่ไม่รู้ล้ม
ว่านโด่ไม่รู้ล้ม
หมามุ่ย สมุนไพร สรรพคุณหมามุ่ย
หมามุ่ย