มะขาม สมุนไพร ไม้ยืนต้น นิยมรรับประทานผลมะขามเป็นผลไม้ ปลูกมากที่จังหวัดเพชรบูรณ์ สรรพคุณของมะขาม กากใยอาหารสูง วิตามินสูง บำรุงทางเดินอาหาร ขับเสมหะ บำรุงผิวมะขาม สมุนไพร สมุนไพรไทย ผลไม้

ต้นมะขาม ภาษาอังกฤษ เรียก Tamarind ชื่อวิทยาศาสตร์ของมะขาม คือ Tamarindus indica L. เป็นพืชตระกูลถั่วมีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา และมีการนำเข้ามาปลูกในแถบเอเชียในเวลาต่อมา ต้นมะขามปลูกมากที่จังหวัดเพชรบูรณ์เป็นต้นไม้ประจำจังหวัดเพชรบูรณ์

มะขามในประเทศไทย

เกี่ยวกับเรื่องความเชื่อในสังคมไทย มองว่ามะขามเป็นไม้มงคล นิยมปลูกไว้ทางทิศตะวันตกของบ้าน เชื่อว่าสามารถป้องกันสิ่งไม่ดี ผีร้ายมิให้มากล้ำกลาย ด้านของชื่อมะขาม พ้องกับคำว่าเกรงขาม ชื่อเป็นมงคลจึงนิยมปลูกเพื่อเป็นสิริมงคลกับคนภายในประเทศ มะขามจัดเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่ง สำหรับจังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องมะขาม คือ เพชรบูรณ์ มีฉายาว่า เมืองมะขามหวาน เป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับ การปลูกมะขาม มะขามในประเทศไทย มี 2 กลุ่ม คือ มะขามเปรี้ยว ( sour tamarind ) และ มะขามหวาน ( sweet tamarind )

มะขามสามารถใช้ประโยชน์ได้มากมาย นิยมนำมาทำอาหารทั้งใบอ่อน ฝักอ่อน ฝักแก่ และเมล็ด เนื้อมะขามแก่ หรือ มะขามเปียก มีรสเปรี้ยวใช้ปรุงรสอาหารทั้งใช้เป็นส่วนผสมของแกงส้ม ต้มส้ม ไข่ลูกเขย น้ำปลาหวาน ยอดและใบอ่อนมะขาม นำมาต้มเพื่อเพิ่มรสเปรี้ยว รวมถึงผลมะขามนำมาแปรรูปทำขนมได้อีกหลายชนิด เช่น มะขามแช่อิ่ม มะขามแก้ว มะขามคลุก มะขามกวน เป็นต้น

ลักษณะของต้นมะขาม

ต้นมะขาม คือ ไม้ยืนต้น ขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่ ลักษณะแตกกิ่งก้านสาขามาก ไม่มีหนาม สามารถขยายพันธ์โดยการเพาะเมล็ดพันธ์ ลักษณะของต้นมะขาม มีดังนี้

  • ลำต้นมะขาม ตั้งตรง สูงประมาณ 10-15 เมตร เปลือกขรุขระ หนา สีน้ำตาลอ่อน
  • ใบมะขาม มีขนาดเล็ด จำนวนมาก ใบเป็นใบประกอบ ปลายใบและโคนใบมน
  • ดอกมะขาม ออกตามปลายกิ่ง ดอกมีขนาดเล็ก สีเหลือง มีจุดประสีม่วงแดง
  • ผลมะขาม ออกเป็นฝักยาว ฝักอ่อนเปลือกสีเขียวอมเทา หรือ สีน้ำตาลเกรียม มีเนื้อในติดกับเปลือก ส่วนฝักแก่ฝัก เปลือกแข็งกรอบ และ หักง่าย สีน้ำตาล เนื้อในเป็นสีน้ำตาล เนื้อมะขามแก่มีรสเปรี้ยว มีเมล็ด

คุณค่าทางโภชนาการของมะขาม 

การรับประทานมะขามนิยมรับประทานผลเป็นอาหาร ซึ่งนักโภชนาการศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของมะขามดิบขนาด  100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 239 กิโลแคลอรี มีสารอาการต่างๆประกอบด้วย วิตามินบี 1 0.428 มิลลิกรัม วิตามินบี 2 0.152 มิลลิกรัม วิตามินบี 3 1.938 มิลลิกรัม วิตามินบี 5 0.143 มิลลิกรัม วิตามินบี 6 0.066 มิลลิกรัม วิตามินบี 9 14 ไมโครกรัม โคลีน 8.6 มิลลิกรัม วิตามินซี 3.5 มิลลิกรัม วิตามินอี 0.1 มิลลิกรัม วิตามินเค 2.8 ไมโครกรัม

สรรพคุณของมะขาม

สำหรับการใช้ประโยชน์ของมะขามด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค สามารถใช้ประโยชน์จากใบ ผล ราก โดยสรรพคุณของมะขาม มีดังนีเ

  • ผลมะขาม สรรพคุณเสริมสร้างภูมิต้านทานโรค ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยชะลอวัย ลดการเกิดริ้วรอย บำรุงกระดูกและฟัน บำรุงเลือด ช่วยลดรอยคล้ำ ช่วยกำจัดแบคทีเรีย ช่วยขจัดคราบสกปรกบริเวณฟัน บำรุงรากผม ฆ่าเชื้อราบนหนังศีรษะ บำรุงสายตา แก้ท้องผูก แก้ท้องเดิน ช่วยถ่ายพยาธิตัวกลมในลำไส้และพยาธิไส้เดือน  ช่วยขับเสมหะ ละลายเสมหะ
  • รากมะขาม สรรพคุณช่วยในการรักษาโรคเริม รักษาโรคงูสวัด
  • เปลือกลำต้นมะขาม สรรพคุณช่วยลดไข้ ช่วยรักษาแผลสด รักษาแผลไฟลวก แผลเบาหวาน
  • แก่นไม้มะขาม สรรพคุณช่วยรักษาฝีในมดลูก ช่วยขับโลหิต ช่วยให้มดลูกเข้าอู่ ใช้สำหรับสตรหลังคลอด
  • ใบมะขาม สรรพคุรเป็นยาระบาย ช่วยขับลมในลำไส้ รักษาไข้หวัด อาการไอ รักษาโรคบิด ใช้เป็นยาหยอดตา รักษาเยื่อตาอักเสบ แก้อาการตามัว
  • เนื้อหุ้มเมล็ดของมะขาม สรรพคุณเป็นยาสวนล้างท้อง
  • ผลดิบมะขาม สรรพคุณลดความอ้วน เป็นยาระบาย ลดไข้
  • เปลือกเมล็ดมะขาม สรรพคุณช่วยสมานแผลที่ช่องปาก คอ ลิ้น และตามร่างกาย
  • ดอกมะขาม สรรพคุณเป็นยาลดความดันโลหิตสูง

โทษของมะขาม

สำหรับการใช้ประโยชน์จากมะขาม มีข้อควรระวังในการใช้ประโยชน์ดังนี้

  • มะขามเปียก ที่ซื้อในตลาดอาจมีสิ่งสกปรกเจือปน หากนำมาทำอาหาร หรือ รับประทานแบบไม่สะอาด อาจทำให้ท้องเสียอย่างหนัก ซึ่งมะขามมีสรรพคุณเป็นยาระบายอยู่แล้ว อาจเป็นอันตรายได้หากเกิดภาวะติดเชื้อที่ระบบทางเดินอาหาร และ ภาวะร่างกายขาดน้ำ
  • มะขามเปียกใช้ขัดผิว หรือ พอกหน้า แต่หากใช้มะขามเปียกเกินอาทิตย์ละ 2 ครั้ง อาจทำให้ผิวระคายเคืองได้
  • สำหรับการขัดผิว หรือ พอกหน้า ด้วยมะขามปียก อย่าลืมบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ด้วยครีมบำรุงผิว และ ครีมกันแดด

โสม ( Ginseng ) สมุนไพรบำรุงกำลัง ช่วยทำให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ลักษณะของต้นโสมเป็นอย่างไร ชนิดของโสม โสมใช้รักษาโรคอย่างไร โทษของโสมมีอะไรบ้าง
โสม สมุนไพร สมุนไพรไทย สรรพคุณโสม
โสม ( Ginseng ) สมุนไพรโบราณ มีการบันทึกในตำราแพทย์แผนจีนว่ามีการใช้โสมในรักษาโรค รากโสมจะมีรูปร่างกคล้ายคน ซึ่งโสมมีลายสายพันธ์ เช่น โสมจีน โสมเกาหลี โสมอเมริกา โสมมีสรรพคุณทางยาเป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงร่างกาย นิยมนำรากมาใช้ในการรักษาโรค เพราะเชื่อว่ารากโสมเป็นแหล่งสะสมของตัวยามากมาย

ต้นโสม ภาษาอังกฤษ เรียก Ginseng ชื่อวิทยาศาสตร์ของโสม คือ Panax ginseng C.A.Mey.  สำหรับชื่อเรียกอื่นๆของโสม เช่น เหยินเซิน หยิ่งเซียม โสมจีน โสมเกาหลี เป็นต้น โสมเป็นพืชล้มลุกที่ปลูกยาก ซึ่งการเพาะปลูกโสมต้องอยู่ในสภาพอากาศเย็นที่สม่ำเสมอ ห่างไกลจากทะเล ดินและน้ำต้องสะอาด โสมในทางฝั่งประเทศเอเชีย สามารถเพาะปลูกได้ที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน และประเทศเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ส่วนทางอเมริการ สามารถปลูกได้ที่วิสคอนซิน หรือ แคนาดา

โสมในปัจจุบันใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆมากมาย เช่น โสมสกัด โสมเม็ด โสมผง หรือใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางและอาหารเสริมต่างๆ

ชนิดของโสม

โสมสามารถใช้ประโยชน์ทางยาและบำรุงร่างกายจากรากของโสม ซึ่งรากอยู่ใต้ดิน ซึ่งสามารถขุดรากที่มีอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปมาใช้ โดยโสมอายุ 6 ปี จะเป็นโสมที่มีตัวยาสำคัญมากที่สุด การแบ่งชนิดของโสม สามารถแบ่งได้ 2 ชนิด ประกอบด้วย โสมขาวและโสมแดง โดยรายละเอียด ดังนี้

  • โสมขาว คือ โสมแบบสดที่ขุดขึ้นมาจากดินแล้วล้างให้สะอาด ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ทันทีหรือจะนำไปตากแห้ง เพื่อให้สามารถเก็บรักษาไว้ใช้ได้นานขึ้น
  • โสมแดง คือ โสมแบบสดๆที่ผ่านวิธีการอบ ทำให้แห้งโดยทำให้รากโสมเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอมแดง ทีมีความชื้นเล็กน้อย โสมแดงถือเป็นโสมที่มีคุณค่าทางยามากที่สุดและราคาแพง

ลักษณะของต้นโสม

ต้นโสม เป็น สมุนไพรประเภทไม้ล้มลุก ที่มีลำต้นอวบน้ำ พืชที่มีอายุยาวนานหลายสิบปี การผ่านฤดูหนาวในแต่ละปี ทำให้โสมต้องเก็บสะสมอาหารไว้ในรากและลำต้น ทำให้รากมีการแยกออกเป็นง่ามเห็นได้ชัดเจน มีการพองตัวสะสมอาหารทำให้รากมีการบวม นิยมใช้รากที่มีอายุ 4-6 ปี มาเป็นยาสมุนไพรโดยรากสามารถมีความยาวได้มากถึง 20 เซนติเมตร รากโสมที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายคน ที่เรียกว่าโสมคน หาได้ยากมากมีราคาสูงมากเป็นพิเศษ เนื่องจากการเจริญเติบโตของโสมเป็นไปอ่างช้าๆ การขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ดต้องใช้เวลานานและโสมมีความอ่อนไหว ต่อสภาพภูมิอากาศ ดังนั้น โสมเกาหลีที่ปลูกได้เฉพาะที่ประเทศเกาหลี จึงมีราคาแพง

เภสัชวิทยาของโสม

นักเภสัชศาสตร์ ได้ศึกษา รากของโสม ซึ่งเป็น สมุนไพร ที่มีตัวยาที่มีฤทธิ์เป็นประโยชน์ต่อร่างกายต่างๆมากมาย จากการวิเคราห์ทางเคมีพบสารต่างๆ ดังนี้

  • สารGinsenoside เป็นสารสำคัญในโสม มีคุณสมบัติยาบำรุงร่างกาย
  • สารsapouins มีฤทธิ์ในการลดระดับไขมันในเลือด สามารถเพิ่มเกล็ดเลือด และป้องกันเส้นเลือดตีบได้ดี
  • สารInsamasanna-eum ใช้ในการบรรเทาอาการของผู้ป่วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ลดไขมันในเลือด ช่วยเรื่องการไหลเวียนโลหิตให้ดีขึ้น
  • สารsteroidal saponin ทำหน้าที่จับกับน้ำตาลในเลือด ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง
  • สารอื่นๆ พวกไขมันและสารต่างๆที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น essential oil, trisaccharides peptidoglycan, nucleosides, Panaxatriol, Panaxadiol, Ginsenoside Rg1, Panacen, Panasenoside, Panaxynol, Trifolin เป็นต้น

สรรพคุณของโสม

การใช้ประโยชน์จากโสมใช้รากโสม ซึ่งโสมมีสรรพคุณต่างๆมากมาย ทั้งด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค โดยสรรพคุณของโสม มีดังนี้

สรรพคุณของโสมด้านการบำรุงร่างกาย

  • สารรสขมในรากโสม มีสรรพคุณบำรุงร่างกายโดยรวม บำรุงอวัยวะภายใน ได้แก่ ปอด ม้าม กระเพาะอาหาร
  • สรรพคุณการปรับสมดุลต่างๆของร่างกาย โดยเฉพาะต่อมไร้ท่อ ที่ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนที่สำคัญของร่างกาย
  • สรรพคุณบำรุงหัวใจ โดยมีสาร digoxin ทำให้การไหลเวียนของไหลจากหัวใจได้ดี ป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจ
  • สรรพคุณกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง ในผู้ป่วยโรคโลหิตจาง
  • สรรพคุณบำรุงตับ ทำให้สามารถต้านสารพิษต่างๆ ที่มีผผลต่อตับได้ดี
  • บำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื่น ลดอาการเหี่ยวย่นผิวแห้งได้ดี
  • เสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย ให้สู้ต่อเชื้อโรคต่างๆได้ดี
  • สรรพคุณบำรุงครรภ์ ช่วยให้แม่และเด็กสมบูรณ์แข็งแรง

สรรพคุณของโสมด้านการรักษาโรค

  • สรรพคุณรักษาอาการเบื่ออาหาร ช่วยให้เจริญอาหารมากขึ้น ในผู้ที่ร่างกายซูบผอม
  • รักษาโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • รักษาโรคเบาหวาน ลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี
  • รักษาโรคไขมันในเลือดสูง ลดการเกาะของไขมันในเส้นเลือด รักษาโรคคววามดันโลหิตสูง
  • รักษาโรคนกเขาไม่ขัน โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
  • รักษาโรคเครียด โรควิตกกังวลนอนไม่หลับ
  • รักษาอาการกระหายน้ำ เหงื่อนออกมาก ช่วยป้องกันภาวะร่างกายขาดน้ำ
  • รักษาอาการอ่อนเพลีย ร่างกายไม่มีแรง
  • สรรพคุณป้องกันโรคมะเร็งต่างๆ

โทษของโสม

การรับประทานโสม เพื่อการรักษาโรคและการบำรุงร่างกาย อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่างๆ เช่น อาการนอนไม่หลับ เจ็บหน้าอก หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตสูง อารมณ์แปรปรวน เป็นต้น ซึ่งข้อควรระวังในการรับประทานโสม มีรายละเอีนงดังนี้

  • ไม่ควรให้ทารกและเด็กเล็กรับประทานโสม เพราะ ค่อนข้างไม่ปลอดภัย และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
    ผู้ป่วยโรคแพ้ภูมิต้านทานตนเอง เช่น โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง โรคเอสแอลอี โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นต้น เพราะการรับประทานโสมอาจส่งผลต่อระบบภูมิต้านทานร่างกาย และอาจทำให้อาการต่าง ๆ แย่ลง
  • การรับประทานโสมอาจทำให้เลือดหยุดไหลช้าลง สำหรับผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติไม่ควรรับประทานโสม
  • โสมทำให้ภาวะการกระตุ้นการทำงานของหัวใจมากขึ้น สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ควรระมัดระวังการรับประทานโสม
  • การรับประทานโสมทำให้กระตุ้นการทำงานของระบบประสาท ให้ร่างกายนอนไม่หลับ สำหรับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนไม่หลับ ควรระมัดระวังการรับประทานโสม
  • ผู้ป่วนโรคซึมเศร้า ไม่ควรรับประทานโสมร่วมกับยารักษาอาการซึมเศร้า เพรา อาจเป็นการกระตุ้นการทำงานของร่างกายมากเกินไป ทำให้ร่างกายไม่ผ่อนคลาย
ถุงกระสอบ ถุงล้อลาก ถุงสายรุ้ง ถุงการ์ตูน
ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove

สมุนไพรน่ารู้
คนทั่วไปมักเข้าใจว่าสมุนไพร คือ พืชที่สามารถนำมาทำเป็นยาเท่านั้น แต่จริงๆแล้ว สมุนไพรนั้นหมายรวมถึง สัตว์ หรือ แร่ธาตุจากธรรมชาติด้วย เราได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับสมุนไพรที่สามารถใช้รักษาโรคและบำรุงร่างกาย เพื่อประโยชน์กับทุกคน
เห็ดเข็มทอง สมุนไพร สมุนไพรไทย สรรพคุณของเห็ดเข็มทอง
เห็ดเข็มทอง
ฟักแม้ว มะระหวาน สมุนไพร พืชสวนครัว
ฟักแม้ว
กระเพรา สมุนไพร สรรพคุณของกระเพรา สมุนไพรไทย
กระเพรา
ผักตำลึง สมุนไพร พืชสวนครัว ตำลึง
ผักตำลึง
สุขภาพน่ารู้
ความรู้ต่างๆเกี่ยวข้องกับสุขภาพและการดูแลร่างกาย เรื่องที่จำเป็นต้องรู้ คือ ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโรค แนวทางการดูแลร่างกาย ตั้งแต่เรื่องอาหาร การบำรุงความงามของร่างกาย ซึ่งความรู้เกี่ยวกับสมุนไพร สามารถนำมาประยุกต์ใช้อย่างหลากหลาย

ความสวยความงาม เรื่องของผู้หญิง
ความสวยงาม

อาหารสุขภาพ อาหารคลีน อาหารเพื่อสุขภาพ
อาหารสุขภาพ
แม่และเด็ก การเลี้ยงลูก พัฒนาการเด็ก
แม่และเด็ก
สมุนไพร สมุนไพรไทย สมุนไพรมีอะไรบ้าง
สมุนไพร