ต้นเดือย ลูกเดือย ธัญพืช คาร์โบไฮเดรตสูง สมุนไพร กากใยอาหารสูง ต้นเดือยเป็นอย่างไร ประโยชน์และสรรพคุณบำรุงร่างกาย บำรุงสายตา ลดความอ้วน โทษของเดือยมีอะไรบ้าง

เดือย สมุนไพร สมุนไพรไทย

ต้นเดือย ( Adlay ) ชื่อวิทยาศาสตร์ของเดือย คือ Coix lacryma-jobi L. เดือย เป็น พืชตระกูลเดียวกับต้นหญ้า นิยมปลูกมากในภาคอีสาน ลูกเดือย สามารถนำมาแปรรูปได้หลากหลาย เช่น น้ำลูกเดือย เครื่องเคียงน้ำเต้าหู้ นำมาทำแป้งสำหรับทำขนม เดือย มีถิ่นกำเนิดในแถบเทือกเขาหิมาลัย จากนั้นได้เผยแพร่เข้าสู่ประเทศแถบยุโรป ปัจจุบันเดือยสามารถปลูกทั่วโลก โดยเฉพาะเขตประเทศอบอุ่น

เดือยในประเทศไทย

สำหรับ เดือย พบว่ามีการนำมาปลูกครั้งแรกในประเทศไทย ใน ปี พ.ศ. 2503 ที่เขตนิคมสร้างตนเองของ จ.สระบุรี ลพบุรี และนครราชสีมา และในช่วงปี พ.ศ. 2513 ได้แพร่ไปยัง จ.ชัยภูมิ และเลย จนถึงภาคเหนือในปี พ.ศ. 2523  ลูกเดือย จัดเป็น พืชเศรษฐกิจของประเทศไทย แหล่งปลูกเดือยที่สำคัญ คือ ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดเลย คือ พื้นที่ปลูกเดือย ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สำหรับสายพันธ์ของเดือยที่ปลูกในประเทศไทย มี 3 ชนิด คือ ลูกเดือยหิน ลูกเดือยหินขบ และ ลูกเดือยทางการค้า โดยรายละเอียด ดังนี้

  • ลูกเดือยหิน ลูกเดือยชนิดนี้ปลูกมากในภาคเหนือ เขตภูเขาสูง ลักษณะของลำต้นไม่สูงมาก ไม่นิยมนำมารับประทาน เพราะ ให้แป้งน้อย เปลือกและเมล็ดแข็งมาก สามารถนำมาทำเครื่องประดับได้
  • ลูกเดือยหินขบ ลูกเดือยชนิดนี้ปลูกในภาคเหนือ ลักษณะลำต้นสูง สามารถรับประทานลูกเดือยได้
  • ลูกเดือยทางการค้า คือ ลูกเดือยที่นิยมรับประทานในปัจจุบัน เมล็ดคล้ายข้าวสาลี เปลือกบาง สีขาวขุ่น เดือย ชนิดนี้ มี 2 ประเภท คือ ลูกเดือยข้าวเหนียว ( glutinous type ) และ ลูกเดือยข้าวเจ้า ( nonglutinous type )

สายพันธุ์เดือย

สำหรับสายพันธ์เดือยที่มีการปลูกในปัจจุบันมี 4 สายพันธุ์ คือ var. lacryma-jobi , var. monilifur , var. stenocarpa และ var. ma-yuen รายละเอียด ดังนี้

  • var. lacryma-jobi เป็นสายพันธุ์ที่ขึ้นตามธรรมชาติ ลูกเดือยเป็นรูปข่ เปลือกแข็ง เมล็ดเงามัน ใช้ทำอาหารและเครื่องประดับได้
  • var. monilifur เป็นสายพันธุ์เดือยที่พบได้เฉพาะในประเทศพม่า และ ประเทศอินเดีย ไม่นิยมรับประทาน นำมาใช้ทำเครื่องประดับ
  • var. stenocarpa มะเดือยขี้หนอน ลักษณะของลูกเดือยคล้ายขวด นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ใช้ประดับเสื้อผ้า ทำสร้อย และ เครื่องประดับ
  • var. ma-yuen สายพันธุ์นี้ใช้นำมาทำอาหาร

ลักษณะของต้นเดือย

เดือย เป็นพืชล้มลุก ตระกูลเดียวกันกับข้าวและต้นหญ้า สามารถขยายพันธ์ โดยการเพาะเมล็ดพันธุ์ ลักษณะของต้นเดือย มีรายละเอียด ดังนี้

  • ลำต้นเดือย เหมือนกับกอหญ้าทั่วไป ลำต้นกลม และ ตั้งตรง เนื้อลำต้นอ่อน ความสูงประมาณ 1 เมตร ลำต้นเป็นปล้อง ผิวลำต้นเรียบ สีเขียว
  • ใบเดือย ลักษณะเรียวยาว สีเขียว กาบใบหุ้มลำต้น โคนใบหยัก ความยาวของใบประมาณ 45 เซนติเมตร ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ และ ขอบใบคม บาดมือได้
  • ดอกเดือย เป็นลักษณะช่อ แทงออกแทงจากปลายลำต้น ช่อดอกยาว 8 เซนติเมตร ดอกของเดือยจะพัฒนาไปเป็นผลเดือย
  • ผลและเมล็ดเดือย ผลเดือยจะพัฒนามาจากดอกเดือย ลักษณะของผลเดือย กลม เปลือกของเมล็ดแข็ง ผลเดือยนำมารับประทานเป็นอาหาร ได้

คุณค่าทางโภชนาการของเดือย

สำหรับการรับประทานจะนำเมล็ดหรือผลมารับประทาน ซึ่งนักโภชนาการได้ศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของลูกเดือย พบว่ารายละเอียด ดังนี้

คุณค่าทางโภชนาการของลูกเดือย ขนาด 100 กรัม พบว่ามีสารอาหารสำคัญ ประกอบด้วย โปรตีน 17.58 % ไขมัน 2.03 % คาร์โบไฮเดรต 51.58% ซิลิคอนไดออกไซด์ 0.1% แคลเซียม 0.04% แมกนีเซียม 0.06% โซเดียม 0.006% โปรแตสเซียม 0.14% ฟอสฟอรัส 0.15% และ กรดไขมัน

สำหรับสารสำคัญต่างๆที่พบในเดือย มีรายละเอียด ดังนี้

  • ลูกเดือย มีสารเคมีสำคัญ ประกอบด้วย coxenolide , Coixol , ethanediol , propanediol , butanediol
  • รากลูกเดือย มีสารเคมีสำคัญ ประกอบด้วย Lignin , Coixol , Palmitic Acid , Stearic Acid , Stigmeaterd และ Sitosterol

สารคอกซีโนไลด์ ( Coxenolide ) ที่พบในลูกเดือย มีสรรพคุณในการยับยั้งการเกิดเนื้องอก ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็ง ช่วยรักษาอาการตกขาวได้

ประโยชน์ของลูกเดือย

สำหรับประโยชน์ของเดือย นั้นจะนำลูกเดือยมารับประทานเป็นอาหาร นำมาทำเป็นอาหารคาวและอาหารหวานต่างๆ เนื่องจากลูกเดือยมีส่วนผสมของแป้ง มีการนำไปแปรรูปเป็นลูกเดือยอบกรอบ ลูกเดือยเปียก เต้าทึง น้ำลูกเดือย เป็นต้น สำหรับ สรรพคุณของเดือย เช่น ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยบำรุงสายตา ช่วยบำรุงเส้น เป็นต้น

สรรพคุณของเดือย

สำหรับประโยชน์ของเดือยด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค สามารถใช้ประโยชน์จาก ลูกเดือย ใบเดือย ลำต้นเดือย และ รากเดือย รายละเอียด ดังนี้

  • ลูกเดือย ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง สรรพคุณช่วยลดน้ำตาลในเลือด ช่วยบำรุงกระดูก ช่วยบำรุงสายตา ช่วยแก้อาการเหน็บชา ช่วยบำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย ช่วยป้องกันมะเร็ง ช่วยบำรุงผิวพรรณ แก้ร้อนใน ช่วยลดไข้ ลดอาการปวดหัว ช่วยบำรุงเลือดสำหรับสตรีหลังคลอด ช่วยรักษาอาการคลื่นไส้อาเจียน แก้ท้องร่วง บำรุงระบบทางเดินอาหาร แก้ปวดข้อเรื้อรัง ช่วยย่อยอาหาร ช่วยบำรุงเส้นผม รักษาการตกขาวผิดปกติในสตรี แก้เจ็บคอ รักษาวัณโรค ช่วยขับเลือด ช่วยขับหนอง
  • ใบเดือย สรรพคุณช่วยขับปัสสาวะ ช่วยรักษาโรคผิวหนัง แก้อาการผื่นคัน แก้ปัสสาวะเหลืองขุ่น
  • รากลูกเดือย มีรสขม สรรพคุณช่วยบำรุงเส้นผม ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยลดไข้ ช่วยขับพยาธิ แก้โรคหนองใน แก้ข้อเข่าเสื่อม ลดอาการปวดตามข้อ รักษาอาการตกขาว ช่วยให้ประจำเดือนมาปกติ

โทษของเดือย

สำหรับการรับประทานลูกเดือย อย่างปลอดภัย ต้องรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม ในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ว่าการบริโภคลูกเดือยไม่ปลอดภัย แต่ข้อควรระวังในการรับประทานลูกเดือย มีรายละเอียด ดังนี้

  • ลูกเดือยก่อนนำมารับประทานต้องนำมาทำให้อ่อนก่อน ไม่สามารถนำมารับประทานแบบแข็งๆ เนื่องจากอันตรายต่อระบบการย่อยิาหาร
  • สำหรับสตรีมีครรภ์ และ สตรีหลังคลอดบุตร ไม่ควรรับประทานลูกเดือย ลูกเดือยอาจเป็นพิษต่อตัวอ่อนในครรภ์ และทำให้มดลูกบีบตัว เป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์ได้
  • ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ควรระมัดระวังการรับประทานลูกเดือย เนื่องจากลูกเดือยสรรพคุณลดระดับน้ำตาลในเลือด อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลงมากเกินไป

ต้นเดือย ลูกเดือย ธัญพืช คาร์โบไฮเดรตสูง พืชพื้นเมือง กากใยอาหารสูง ต้นเดือยเป็นอย่างไร ประโยชน์และสรรพคุณบำรุงร่างกาย บำรุงสายตา ลดความอ้วน โทษของเดือยมีอะไรบ้าง

พริกไทย ราชาแห่งเครื่องเทศ ต้นพริกไทยเป็นอย่างไร พริกไทยมีกี่ชนิด คุณค่าทางโภชนาการ ประโยชน์และสรรพคุณขับเหงื่อ บำรุงสมอง กระตุ้นประสาท โทษของพริกไทย มีอะไรบ้าง

พริกไทย สมุนไพร สมุนไพรไทย

ต้นพริกไทย ( Pepper ) ชื่อวิทยาศาสตร์ของพริกไทย คือ Piper nigrum L. ชื่อเรียกอื่นๆของพริกไทย เช่น พริกขี้นก , พริกไทยดำ ,  พริกไทยขาว , พริกไทยล่อน , พริกน้อย เป็นต้น พริกไทยมีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย สายพันธุ์พริกไทย พริกไทยที่นิยมปลูกมี 6 สายพันธุ์ คือ พริกไทยพันธุ์ใบหนา พริกไทยพันธุ์บ้านแก้ว พริกไทยพันธุ์ปรางถี่ธรรมดา พริกไทยพันธุ์ปรางถี่หยิก พริกไทยพันธุ์ควายขวิด และ พริกไทยสายพันธุ์คุชชิ่ง โดยพื้นที่ปลูกพริกไทยที่สำคัญของประเทศไทย คือ จังหวัดจันทบุรี จังหวัดตราด และ จังหวัดระยอง

พริกไทยกับอาหาร

สำหรับการนำพริกไทยมาทำอาหาร มักจะนำพริกไทยมาทำเครื่องเทศ และ ปรุงอาหาร ให้รสชาติเผ็ดร้อน ให้กลิ่นหอม ช่วยในการดับคาวอาหาร นอกจากนี้พริกไทยสามารถช่วยในการถนอมอาหาร เช่น ไส้กรอก กุนเชียง หมูยอ เป็นต้น

ชนิดของพริกไทย

สำหรับชนิดของพริกไทย ที่นำมาใช้ในการทำอาหาร มี 2 ชนิด คือ พริกไทยขาว และ พริกไทยดำ โดยรายละเอียด ดังนี้

  • พริกไทยดำ คือ เมล็ดพริกไทยแก่เต็มที่แต่ยังไม่สุก โดยนำมาตากแดดจนแห้งเป็นสีดำ โดยไม่ปลอกเปลือกเมล็ด
  • พริกไทยขาว คือ เมล็ดพริกไทยที่สุกเต็มที่ โดยนำมาแช่น้ำ ให้เปลือกของเมล็ดพริกไทยลอกเปลือกออก จากนั้นนำไปตากแห้ง

ลักษณะของต้นพริกไทย

ต้นพริกไทย เป็นพืชล้มลุก ปลูกได้ในพื้นที่ประเทศเขตร้อน สามารถขยายพันธ์ได้โดยการการเพาะเมล็ดพันธ์ และ การปักชำ ลักษณะของต้นพริกไทย มีรายละเอียด ดังนี้

  • ลำต้นของพริกไทย ลักษณะเป็นเถา เลื้อยตามเสาหรือกิ่งไม้ต่างๆ ลำต้นเป็นข้อ เป็นปล้องๆ ไม้เนื้ออ่อน ลำต้นอ่อนมีสีเขียว และ ลำต้นแก่มีสีนํ้าตาล รากของพริกไทยออกตามข้อมีหน้าที่ช่วยเกาะเสาหรือกิ่งไม้
  • ใบพริกไทย เป็นใบเลี้ยงคู่ โดยแตกใบออกเป็นใบเดี่ยว ใบเป็นรูปไข่ โคนใบใหญ่ ปลายใบแหลม ใบหนา ผิวใบเรียบ มีสีเขียว
  • ดอกพริกไทย ออกเป็นช่อ โดยดอกแทงออกจากปลายยอด ดอกอ่อนมีสีเขียวอมขาว ส่วนดอกแก่มีสีเขียว
  • ผลพริกไทยหรือเมล็ดพริกไทย มีลักษณะกลม และ เล็ก ผลจับกลุ่มกันเป็นช่อๆ ผลอ่อนมีสีเขียว ผลแก่จะมีสีเขียวเข้มขึ้น เปลือกผลพริกไทยแข็ง รสเผ็ดร้อน มีกลิ่นหอมฉุน

คุณค่าทางโภชนาการของพริกไทย

สำหรับพริกไทยนำมารับประทานเป็นอาหาร โดยใช้ทั้งผลสด ผลแห้ง โดยการศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของพริกไทย มีดังนี้

คุณค่าทางโภชนาการของเมล็ดพริกไทยดำ ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 251 กิโลแคลอรี  มีสารสำคัญต่างๆ ประกอบด้วย น้ำ 12.46 กรัม โปรตีน 10.39 กรัม ไขมัน 3.26 กรัม คาร์โบไฮเดรต 63.95 กรัม กากใยอาหาร 25.3 กรัม แคลเซียม 443 มิลลิกรัม เหล็ก 9.71 มิลลิกรัม แมกนีเซียม 171 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 158 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 1329 มิลลิกรัม โซเดียม 20 มิลลิกรัม สังกะสี1.19 มิลลิกรัม  ไทอะมีน 0.108 มิลลิกรัม ไรโบฟลาวิน 0.180 มิลลิกรัม ไนอะซีน 1.143 มิลลิกรัม วิตามินบี6  0.291 มิลลิกรัม โฟเลต 17 ไมโครกรัม วิตามินเอ 27 ไมโครกรัม และ วิตามินเค 163.7 ไมโครกรัม

น้ำมันพริกไทย ( Pepper oil ) คือ น้ำมันหอมระเหยที่สามารถสกัดได้จากพริกไทย โดยน้ำมันหอมระเหยพริกไทยมีกลิ่นหอม โดยสารต่างๆที่พบในน้ำมันพริกไทย ประกอบด้วย α – thujene , α – pinene , camphene , sabinene , β-pinene , myrcene , 3-carene , limonene และ β-phellandren

ผลผลิตจากพริกไทย

สำหรับผลผลิตต่างๆจากพริกไทย มี 4 ลักษณะ คือ พริกไทยสด พริกไทยดำ พริกไทยขาว และ พริกไทยป่น โดยรายละเอียด ดังนี้

  • พริกไทยสด ( Fresh pepper ) คือ ผลพริกไทยสด มีสีเขียวช่วยดับกลิ่นคาว มีกลิ่นหอม
  • พริกไทยดำ ( black pepper ) คือ ผลพริกไทยแก่ตากแห้ง ช่วยเพิ่มกลิ่นหอมของอาหาร รสเผ็ดร้อน
  • พริกไทยขาว ( white pepper ) คือ ผลพริกไทยนำมาแช่น้ำ และ นวดเพื่อแยกเปลือกออก จนเหลือแต่เมล็ดสีขาว จากนั้นนำมาตากแดดให้แห้ง มีกลิ่นหอม และ รสเผ็ด
  • พริกไทยป่น ( powder pepper ) คือ พริกไทยขาวนำมาบดให้ละเอียด มีกลิ่นหอม และ รสเผ็ด

สรรพคุณของพริกไทย

สำหรับประโยชน์ของพริกไทย ด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค สามารถใช้ประโยชน์ได้จาก เมล็ดพริกไทย เถาพริกไทย รากพริกไทย ดอกพริกไทย โดยรายละเอียด ดังนี้

  • เมล็ดพริกไทย สรรพคุณช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ บำรุงสมอง ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ ช่วยป้องกันมะเร็ง ช่วยกระตุ้นประสาท แก้โรคลมบ้าหมู ช่วยบำรุงร่างกาย  ช่วยเจริญอาหาร ช่วยผ่อนคลาย ทำให้นอนหลับสบาย เพิ่มความอบอุ่นของร่างกาย ช่วยขับเสมหะ แก้ปวดฟัน แก้ไอ ช่วยลดไข้ บำรุงเลือด  ช่วยขับเหงื่อ ช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย ช่วยขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยแก้ระดูขาว ช่วยแก้อักเสบ รักษาแผลแมลงสัตว์กัดต่อย บำรุงผิว เป็นยาอายุวัฒนะ
  • ดอกพริกไย สรรพคุณแก้อาการตาแดง แก้อาเจียน ช่วยย่อยอาหาร ช่วยผ่อนคลาย
  • ลำต้นพริกไทย หรือ เถาพริกไทย สรรพคุณช่วยขับเสมหะ แก้ท้องร่วง
  • รากพริกไทย สรรพคุณแก้เวียนหัว แก้ปวดท้อง ช่วยขับลม
  • ใบพริกไทย สรรพคุณแก้ปวดท้อง ช่วยขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ
  • น้ำมันพริกไทย สรรพคุณช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เจริญอาหาร แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยย่อยอาหาร รักษาโรคกระเพาะ ใช้เป็นยาระบาย ช่วยบรรเทาอาการปวด ช่วยกระตุ้นกำหนัด ขับเหงื่อ ลดไข้ และ ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท

โทษของพริกไทย

สำหรับพริกไทยมีคุณสมบัติร้อน รสเผ็ด การรับประทานพริกไทยมีข้อควรระวัง ดังนี้

  • พริกไทย รสเผ็ดร้อน สำหรับคนที่ป่วยโรคเกี่ยวกับกระเพาะและลำไส้ ให้รับประทานในปริมาณที่เหมาะสม
  • การกินพริกไทยมากเกินไป ทำให้ตาอักเสบได้ง่าย ทำให้คอบวมอักเสบบ่อย เป็นแผลในปาก และ ฟันอักเสบเป็นหนอง
  • พริกไทยมีรสเผ็ด สำหรับผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ควรลดการกินพริกไทย เพื่อให้ระบบลำไส้ลดการระตายเคือง

พริกไทย ราชาแห่งเครื่องเทศ ลักษณะของต้นพริกไทยเป็นอย่างไร พริกไทยมีกี่ชนิด คุณค่าทางโภชนาการของพริกไทย ประโยชน์และสรรพคุณของพริกไทย เช่น ขับเหงื่อ บำรุงสมอง กระตุ้นประสาท โทษของพริกไทย มีอะไรบ้าง

ถุงกระสอบ ถุงล้อลาก ถุงสายรุ้ง ถุงการ์ตูน
ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove

สมุนไพรน่ารู้

คนทั่วไปมักเข้าใจว่าสมุนไพร คือ พืชที่สามารถนำมาทำเป็นยาเท่านั้น แต่จริงๆแล้ว สมุนไพรนั้นหมายรวมถึง สัตว์ หรือ แร่ธาตุจากธรรมชาติด้วย เราได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับสมุนไพรไทยที่สามารถใช้รักษาโรคและบำรุงร่างกาย เพื่อประโยชน์กับทุกคน
ดอกคำฝอย สมุนไพร สรรพคุณของคำฝอย
ดอกคำฝอย
ว่านชักมดลูก สมุนไพร
ว่านชักมดลูก
โด่ไม่รู้ล้ม สมุนไพร สรรพคุณของโด่ไม่รู้ล้ม
ว่านโด่ไม่รู้ล้ม
หมามุ่ย สมุนไพร สรรพคุณหมามุ่ย
หมามุ่ย