เส้นเลือดสมองแตก ( hemorrhagic stroke ) เส้นเลือดไปเลี้ยงสมองแตก ทำให้สมองขาดเลือด ส่งให้เซลล์สมองตาย สังเกตุอาการ คือ ปวดหัวรุนแรง อาเจียน หมดสติ อันตรายมาก

เส้นเลือดสมองแตก โรคระบบประสาทและสมอง

เส้นเลือดสมองแตก ( hemorrhagic stroke ) คือ ภาวะเส้นเลือดไปเลี้ยงสมองแตก ทำให้ขาดเลือดไปเลี้ยงสมอง ส่งผลให้เซลล์สมองตาย โรคระบบประสาทและสมอง โดยจะมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง และ หมดสติ เป็นโรคอันตราย ต้องรับการรักษาทันที โรคหลอดเลือดในสมอง ชนิดหนึ่ง ที่พบได้บ่อย ประมาณ 1 ใน 5 ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดในสมอง

ภาวะหลอดเลือดสมองแตก จึงเป็นความเสี่ยง ขอผู้ป่วยโรคหลอดเลือดในสมอง ที่ต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะ หากเกิดขึ้นมาแล้ว ส่วนมากจะรักษาไม่ทัน และ เป็นเหตุให้ต้องเสียชีวิต ซึ่งลักษณะอาการจะเป็นแบบ เฉียบพลัน ทำให้หากไม่ส่งตัวรักษาได้ทัน จะทำให้เกิด ภาวะเลือดคั่งในสมอง ทำให้เนื้อสมองตาย สุดท้ายก็จะเสียชีวิต หรือ ภาวะสมองตาย ในที่สุด ดังนั้นผู้ที่มีความเสี่ยงป่วยเป็นโรคหลอดเลือดในสมอง ต้องอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิดของคนรอบข้าง และ หมั่นตรวจร่ากาย ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ เพื่อรักษาชีวิตให้นานยิ่งขึ้น โดยมากแล้ว

ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง จะมีความเสี่ยงมากกว่าผู้ป่วยโรคอื่น เพราะ โรคความดันโลหิตสูง มักจะมาจาก ภาวะไขมันในเลือด มากกว่าปกติ ซึ่งจะไปเกาะตามหลอดเลือด ทำให้ ช่องทางการเดินของเลือด ลดลง ทำให้ความดัน หรือ แรงฉีดเลือดเพิ่มมากขึ้น (สังเกตุจากเวลาที่เราเอานิ้วอุดสายยางที่ปล่อยน้ำ น้ำที่ออกมาจะไหลแรงขึ้น) เส้นเลือดในสมองนั้นมีความเปราะบาง หากแรงดันในเลือดมากเกินไป หรือ เกิดการกระทบกระเทือนใดๆ จะทำให้เกิดการฉีกขาด สมองจะขาดเลือดเฉียบพลัน เลือดไปคั่งอยู่ในเนื้อสมอง เกิดภาวะสมองตาย ซึ่งทางการแพทย์ถือว่าเสียชีวิต ถึงแม้ว่าหัวใจจะยังทำงานได้อยู่ก็ตาม และ หายใจปกติก็ตาม

เส้นเลือดสมองแตกเกิดจากอะไร?

สำหรับสาเหตุของการเกิดโรคนั้น สามารถแบ่งได้มี 2 ประเภท คือ สาเหตุที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และ สาเหตุที่หลีกเลี่ยงได้ โดยรายละเอียด มีดังนี้

สาเหตุของเส้นเลือดสมองแตกที่หลีกเลี่ยงได้มีอะไรบ้าง?

  • โรคความดันโลหิตสูง เกิดจากพฤติกรรม ของผู้ป่วย เช่น ชอบรับประทานอาหารมัน ของทอด แป้ง การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • โรคเบาหวาน นอกจากพฤติกรรมการกินแล้ว การขาดการออกกำลังกาย ก็เป็นสาเหตุได้ เพราะ น้ำตาลตกค้างในเลือดมาก การออกกำลังกาย จะเป็นการใช้น้ำตาลในเลือดให้ลดลง และ เพิ่มประสิทธิภาพ การเผาผลาญพลังงานของร่างกาย พบว่า ผู้ที่ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง จะมีความเสี่ยงในการเป็น โรคเบาหวาน ลดลงมาก และ ลด ความเสี่ยงการเกิด โรคเส้นเลือดในสมองได้อีก 2-5 เท่า
  • การสูบบุหรี่ นอกจากจะเป็นตัวกระตุ้น ให้เกิด โรคความดันโหลิตสูง แล้ว ยังส่งผลโดยตรงต่อความแข็งตัวของหลอดเลือด เพราะมี สารนิโคติน และ คาร์บอนมอนอกไซด์  จะไปลดความยืดหยุ่นของหลอดเลือด พูดง่ายๆว่าทำให้เส้นเลือดเปราะมากขึ้น เสี่ยงต่อการฉีกขาด แตก รั่ว โดยเฉพาะ ในอวัยวะสำคัญ เช่น สมอง
  • ภาวะไขมันตัวร้ายในเลือดมาก ไขมันตัวร้าย คือ ไขมัน LDL (Low Density Lipoprotein) มักจะไปเกาะที่พนังหลอดเลือดทั่วร่างกาย มาจาก อาหาร ที่มีไขมันเป็นสวนประกอบ การเปลี่ยนรูป จากแป้ง ที่เกินความจำเป็น ไขมัน
  • ยาฮอร์โมนต่างๆ เช่น ในผู้หญิงที่ต้องการคุมกำเนิด หรือ ที่นิยมในสาวประเภทสอง เพื่อเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิง มักจะมีผลข้างเคียงต่อการแข็งตัวของหลอดเลือด
  • เชื้อโรคบางชนิด เช่น โรคซิฟิลิส ซึ่ง สามารถติดต่อ ได้ทางเพศสัมพนธ์ มีผลต่อการอักเสบของหลอดเลือดทั่วร่างกาย
  • ค่า CRP (C-reactive protein) ในเลือดสูง เป็น การแสดง การตอบสนองต่อร่างกาย ต่อการอักเสบในเลือด โดยมากแล้ว การอักเสบที่พบบ่อยมากที่สุด จะพบที่หลอดลเลือด ถ้าค่านี้มากกว่า 0.3 แสดง ถึงคามเสี่ยงต่อการเกิด โรคหลอดเลือด มาก และ อายุ จะสั้นกว่าคนปกติ
  • โรคอ้วน พบว่า ผู้ป่วยโรคอ้วน มีโอกาสสูงมาก ที่จะป่วยโรคนี้

สาเหตุของเส้นเลือดสมองแตกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้มีอะไรบ้าง?

  • อายุ  เมื่ออายุมากขึ้น การทำงานของระบบต่างๆมนร่างกาย จะลดลง ทั้ง การเผาพลาญพลังงาน ระบบภูมิคุมกันของร่างกาย ระบบไหลเวียนของเลือด การสร้างโปรตีนที่สำคัญต่างๆ ดังนั้น เมื่ออายุมากขึ้น หลอดเลือดจะ ลดความยืดหยุ่นลง การอักเสบในหลอดเลือด จะหายช้าขึ้น
  • พันธุกรรม ที่ควบคุมการแข็งตัวของเลือด พบว่าผู้ป่วยบางราย มีการแข็งตัวของเลือดเร็วกว่าคนปกติ ทำให้ เมื่อหลอดเลือดอักเสบ จะเกิดการอุดตันของเกร็ดเลือด เสี่ยงต่อการเป็น โรคเส้นเลือดในสมองแตก มากยิ่งขึ้น
  • เพศ จากการเก็บสถิติผู้ป่วย ในประเทศไทย พบว่า ผู้ชาย มีจำนวณผู้ป่วยโรคนี้มากกว่า ผู้หญิง ซึ่งนอกจาก เพศ แล้ว อาจจะมาจากธรรมชาติ พฤติกรรมการดำรงชีวิต ความเสี่ยงเรื่องของ การกระทบกระเทือนที่สมอง
  • อุบัติเหตุ จากการเดินทาง จากการเล่นกีฬา การทะเลาะวิวาท

ลักษณะอาการของผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองแตกเป็นอย่างไร? 

อาการที่พบจะเป็นอาการทางสมอง เพราะ มาจากสมองตาย โดยอาการหนัก-เบา ขึ้นอยู่กับ ความรุนแรง ตำแหน่ง ของหลอดเลือดที่แตก ฉีก ขาด อาการต่างนี้ จะเป็นสัญญาณแรก ในการเตือน ให้ผู้ป่วยคนรอบข้าง อย่านิ่งนอนใจ รีบพบแพทย์โดยด่วน ภายในสาม ชั่วโมง เพราะ จัดเป็นโรคร้ายแรง หากไม่รีบพบแพทย์ จะเสี่ยต่อการเสียชีวิต หรือ เป็นโรคอัมพฤกษ์อัมพาตซึ่งหากเป็นแล้ว จะกระทบต่อการดำรงชีวิต ของผู้ป่วยเอง และ คนรอบข้าง เสียค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูร่างกาย และ โรคแทรกซ้อนต่างๆอีกมาก

  • อาการปวดศีรษะรุนแรง วินเวียนศีรษะ ทันทีทันใด
  • อาการคลื่นไส้อาเจียน
  • เสียการทรงตัว ลุกยืนแล้วล้ม เดินเซไม่ตรง
  • อาการชา ครึ่งซีก จะรู้สึกก่อนที่ปลายมือ ปลายเท้า ข้างใดข้างหนึ่ง จากนั้น ลุกลามทั้งครึ่งซีกร่างกาย
  • อาการปากเบี้ยว หน้าเบี้ยว ดื่มน้ำแล้วน้ำไหลออกจากปาก ควบคุมไม่ได้
  • สูญเสียการมองเห็น ตาจะเริ่มพล่ามัว จากนั่นจะมองไม่เห็น ข้างใดข้างหนึ่ง ของดวงตา

เราวินิจฉัยโรคเส้นเลือดในสมองแตกอย่างไร? 

เนื่องจาก เทคโนโลยี ที่มีการพัฒนาขึ้นมากในปัจจุบัน ทำให้การตรวจ บ่งชี้ ตำแหน่ง ความรุนแรง ได้แม่นยำมากขึ้น ส่งผล การรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

  • การตรวจอาการเบื้องต้น ตรวจการตอบสนองของร่างกาย สมมาตรของใบหน้า ให้ผู้ป่วยยกแขนขา ทดสอบแรงต้าน
  • การเอกซเรย์สมอง ด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมผิวเตอร์ computerized tomography ทำให้ทราบ ตำแหน่ง ที่เลือดคั่ง หรือ ตำแหน่งที่สมองขาดเลือด
  • การตรวจสมองคลื่นสมอง โดยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า magnetic resonance imaging จะทราบลักษณะ เนื้อสมองภายในกะโหลก หลอดเลือดสมองรอบๆ หลอดเลือดจากหัวใจ ที่ผ่านมาทางลำคอ วิธีนี้ประสิทธิภาพ และ ลดอาการบาดเจ็บจากรังสีได้มาก
  • การตรวจระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อ ใช้ประกอบการประเมินการรักษา  เช่น การตรวจเลือด เพื่อ หาค่าความเข้มข้น และ ค่าความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดแดง ตรวจระดับไขมันในเลือดเพื่อ ทราบสาเหตุหลัก จากภาวะไขมันในเลือดสูง การตรวจระดับ น้ำตาลในเลือด เพื่อ พิจารณาสาเหตุ จากโรคเบาหวาน การวัดคลื่นไฟฟ้าหัว เพื่อ พิจารณาดู การทำงานของหัวใจ ว่ายังปกติหรือไม่

แนวทางการรักษาโรคเส้นเลือดในสมองแตกทำอย่างไร? 

เนื่องจาก เป็นโรครุนแรง และ เร่งด่วน หากปล่อยไว้ จะทำให้สมองตาย จะทำการผ่าตัดเพื่อรักษาเนื้อสมอง ระบายเลือดออกจากกะโหลกศีรษะ ควบคุมแรงดันเลือด ผู้ป่วยจะกลับมาปกติได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับ ความรุนแรงที่เป็น อายุ การฟื้นฟูที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ โรคนี้มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตสูง หากรอดชีวิต การฟื้นฟู สำคัญมาก ทั้งเรื่องของร่างกาย และจิตใจ คนรอบข้าง คนใกล้ชิด ต้องเรียนรู้เข้าใจผู้ป่วย กำลังใจผู้ป่วยเป็นสิ่งที่จำเป็น

เราป้องกันโรคเส้นเลือดในสมองแตกได้อย่างไร? 

สามารถทำได้ โดย การควบคุมความเสี่ยงจาก สาเหตุที่หลีกเลี่ยงได้ ตามที่กล่าวมาข้างต้น ได้แก่

  • ออกกำลังกายตามสมควร อย่างน้อย 3 วัน ต่อ สัปดาห์ แต่ละครั้งที่ออกกำลังกาย ให้รู้สึกเหนื่อยหอบ และ หยุด ทำซ้ำ จนครบ 45 นาที
  • ลดปริมาณอาหาร มัน อาหารทอด อาหารผัด แป้ง เพิ่ม ผัก ผลไม้ เนื้อปลา สัดส่วน 3:1 คือ ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ สามส่วน ต่อ แป้ง ไขมัน 1 ส่วน มื้อเย็น ควรรับประทานก่อน 6 โมงเย็น และ ไม่ควรรับประทานมาก แค่พออิ่ม รสชาติอาหารให้ลด หาน มัน เค็ม ลง แรกๆ จะไม่อร่อย แต่ หลังจากนั้น 7 วัน สมองจะชินกับรสชาติ และ อร่อยขึ้นมาเอง
  • พักผ่อนให้เพียงพอ ในวันทำงาน อย่างน้อบ 7 ชั่วโมง
  • ไม่หักโหมงานมากเกินไป เพราะ จะทำให้เกืดความเครียด ส่งผลลบ ต่อ ร่างกาย โดยรวม ทั้งระบบ ภูมิคุ้มกัน ระบบสมองและหลอดเลือด
  • เลิกดื่มสุรา สูบบุหรี่ หรือ เสพสารเสพติด ทุกชนิด
  • ตรวจสุขภาพประจำปี เมื่อพบ ความเสี่ยง ให้ควบคุมตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น ระดับน้ำตาลในเลือด ไขมันในเลือด ความดันเลือด
  • อาการเตือนของโรคเส้นเลือดในสมองแตก ตามที่กล่าวมาข้างต้น หากพบ คนใกล้ชิด มีอาการ ให้รีบส่งตัวพบแพทย์โดยด่วย หากผู้ป่วยหมดสติ ให้อธิบายอาการให้แพทย์ทราบ
  • ควบคุม BMI ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ อ่านวิธีคำนวณ BMI ได้จากบทความเรื่องสารความแก่ AGE
  • ในต่างประเทศ ใช้คำว่า FAST โดย F=Face dropping (หน้าตก ปากเบี้ยว) A=Arm weakness (แขนอ่อนแรง) S=Speak difficulty (พูดไม่ชัด) T=Time (รีบแรกรถพยาบาล) เพื่อเตือนใจ ให้รักษาชีวิตผู้ป่วยได้ทันเวลา

แหล่งอ้างอิง

  • นิตยสารชีวจิต ฉบับวันที่ 1 ตุลาคม 2551 ต้องดูอาการ อย่างต่อเนื่อง และบำบัดเพื่อไม่ให้เสันเอนตาย การได้รับออกซิเจน ที่บริสุทธิ ตามธรรมชาติที่ไม่มีมลพิษ จะเพิ่มการขยายตัวของเส้นเลือด จะดีขึ้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับหลาย ปัจจัยของร่างกาย

ภูมิแพ้ผิวหนัง ( Atopic dermatitis ) ความผิดปรกติของผิวหนัง เกิดจากอาการแพ้สิ่งระคายเคืองต่างๆ ทำให้เกิดผดผื่น คันตามผิวหนัง ภูมิต้านทาน สาเหตุ อาการ การรักษา

ภูมิแพ้ผิวหนัง โรคภูมิแพ้

ภูมิแพ้ผิวหนัง คือ โรคอะไร ทำไมถึงเป็นโรคนี้ อาการที่พบบ่อยมีอะไรบ้าง การตรวจวินิจฉัยโรคทำอย่างไร การรักษาทำอย่างไร สามารถป้องกันโรคนี้ได้ไหม บทความนี้จะเสนอให้ทราบ

ภูมิแพ้ผิวหนัง ( Atopic dermatitis ) คือ ภาวะความผิดปรกติของผิวหนัง เกิดจากอาการแพ้สิ่งระคายเคืองต่างๆรอบตัว ส่งผลให้เกิดอาการ ผดผื่น คันตามผิวหนัง โรคเกี่ยวกับภูมิตานทาน และ โรคผิวหนัง เป็นโรคที่ เกิดโดยไม่รู้ตัว และ ไม่ทราบสาเหตุ สามารถเกิดได้ทั้งบริเวณ ผิวของใบหน้า และ ลำตัว มักจะเกิดรวมกับ

โรคภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจ เช่น แพ้อากาศ โรคหอบหืด ซึ่ง โรคเหล่านี้ จะมีความเกี่ยวข้องกับ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ที่ตอบสนองต่อ สิ่งเร้าต่างๆ ที่อยู่ในอากาศ ได้ไวกว่าปกติ จะทำให้เกิด อาการแพ้ ขึ้นทันที เนื่องจาก ผิวหนัง เป็นด่านแรก ที่สำคัญ ของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ทำหน้าที่ปกป้อง ร่างกานทั้งหมด  จากเชื้อโรค ความร้อน ความเย็น พิษของสัตว์ ผิวหนังทำงานร่วมกับ ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ระบบประสาทรับความรู้สึก จึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่ผู้ป่วยต้อง จะนิ่งนอนใจไม่ได้ หากเกิดอาการผิดปกติใดๆ

สาเหตุการเกิดโรคภูมิแพ้ผิวหนังมีอะไรบ้าง?

  • อากาศ มลภาวะ สารโหละหนัก ในอากาศ โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง อากาศที่เย็นขึ้น จะทำให้ผื่นกำเริบ
  • พันธุกรรม เป็นสาเหตุ ที่สำคัญ ขอโรคระบบภูมิแพ้ทั้งหมด เพราะ เป็นตัวกำหนด ระบบภูมิต้านทานภายในร่างกาย ให้มีความมากน้อยแตกต่างกันในแต่บุคคล พบว่า หากคนในครอบครัว เป็นภูมิแพ้ผิวหนัง โอกาสที่จะเป็นมีมากถึง 70%
  • ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ เมื่ออายุมากแล้ว 35 ปีขึ้นไป พบว่า มีโอกาสสูงที่ลูกในครรภ์ จะเป็น โรคภูมิแพ้ผิวหนัง
  • ได้รับสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ หลายชนิด ในอากาศ อย่างเช่น ละอองของเกสรดอกไม้ หรือ ไรฝุ่น
  • การซักเสื้อผ้าไม่สะอาด เพราะ เสื้อผ้าสัมผัสกับผิวหนังโดยตรง หากซักไม่สะอาด ก็จะมีสิ่งสกปรก หรือ สิ่งเร้าต่อระบบภูมิต้านทาน เป็นเหตุให้เกิดโรคภูมิแพ้ผิวหนังได้ อีกทั้ง หากผงซักฟอกตกค้าง คนที่แพ้ผงซักฟอก ก็อาจจะเป็นโรคนี้ได้
  • เกิดจากเหงื่อ เพราะ ในเหงื่อ มีไขมัน เกลือแร่ ปะปนอยู่ หาก ไม่ทำความสะอาดร่างกาย เสื้อผ้า ก็จะทำให้เกิด เชื้อรา เชื้อโรคต่างๆ ที่เป็นโทษต่อผิวหนังสะสม เกิดการแพ้ที่ผิวหนังได้
  • อาหารและเครื่องดื่ม อย่างเช่น ถั่ว แอลกอฮอล์ นมวัว ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ควรหมั่นสังเกตุตนเอง ว่ารับประทานอะไรแล้วเกิด อาการระคายเคืองที่ผิวหนัง
  • การพักผ่อนน้อย ไม่เพียงพอ ขาดการออกกำลังกาย ส่งผลให้ ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และ ไม่มีแรงต้านทาน ต่อ สิ่งเร้ากระตุ้นระบบภูมิต้านทาน
  • การเกา เมื่อเจอสิ่งระคายเคือง ผู้ป่วยมักจะเกา เป็นการทำลายผิวหนังชั้นนอก ทำให้สิ่งระคายเคือง ฝังตัวในผิวหนังขั้น กลาง หรือ ชั้นใน กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิด อาการแพ้ มากยิ่งขึ้น

ลักษณะอาการของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ผิวหนังเป็นอย่างไร?

  • มีผื่นขึ้นขึ้นบริเวณมือ หลังมือ ปลายมือ เกิดง่าย และ เป็นบ่อยจนผิดปกติ
  • ใต้ตาคล้ำ เพราะ เกิดจากการเป็นรอยพับ ที่มาจากตาที่ และ จะขยี้ตาบ่อยๆ จนเกิดริ้วรอยใต้ตา
  • ผื่นขึ้นตาม ง่ามแขน ง่ามขา ข้อพับต่างๆ
  • บริเวณหน้าจะเป็นผื่นสีอ่อนกว่าสีผิวจริง มักพบบ่อยบริเวณแก้ม สีจะแตกต่างจากสีผิวหน้า อย่างเห็นได้ชัด
  • ผิวเกิดการอักเสบ และ จะคันมาก เพราะ ว่าผิวสูญเสียความชุ่มชื่น มีขุยสีขาว คล้ายๆรังแค แต่จะหนากว่า และ ใหญ่หว่า
  • ในบางราย ผิวอักเสบ และ คัน ถ้าเกาบริเวณที่คัน อาจจะเลือดไหลได้ แสบ แดง เพราะ ผิวไม่แข็งแรง
  • เกิดเป็นผื่นคัน เป็นตุ่มน้ำ จะเป็นจุดแดงๆ เกิดขึ้นบริเวณต่างๆ ตามลำตัว อาการนี้แสดง ว่าเกิดการแพ้ขั้นรุนแรง

เราวินิจฉัยโรคภูมิแพ้ผิวหนังอย่างไร?

  • แพทย์จะซักประวัติการรักษา โรคประจำตัว ประัติการแพ้อาหาร และ สอบถามอาการผิวหนังอย่างละเอียด
  • สอบถามประวัติ คนในครอบครัวว่ามีประวัติ อาการทางผิวหนัง
  • ตรวจร่างกาย ผิวหนัง ตรวจแบบ Patch Test เพื่อ ที่จะตรวจหา สารโลหะ หรือ สารเคมี ที่แพ้
  • ประเมินการรักษา ดูจาก สาเหตุ ระดับความรุนแรง และ สิ่งเร้าที่แพ้

เรารักษาโรคภูมแพ้ผิวหนังอย่างไร?

  • ผิวหนังที่อักเสบเรื้อรังนั้น แพทย์จะใช้ยาที่ไม่มีสเตียรอยด์ในการทา และ จะให้กินยาแก้แพ้ เพื่อควบคุมอาการแพ้ เบื้องต้น
  • หากมีอาการอักเสบแบบรุนแรง แพทย์จะใช้วิธี การฉายแสงอัลตร้าไวโอเลต เพื่อ ที่จะเข้าไปกดภูมิในร่างกาย ไม่ให้ไวต่อสภาพสิ่งแวดล้อม โดยจะคอยดูอาการตอบสนอง สามารถใช้วิธีนี้ร่วมกับยาแก้แพ้
  • ระยะที่เฉียบพลันนั้น ที่มีตุ่มน้ำ และ น้ำเหลือง ควรจะใช้ผ้าพันแผลชุบกับน้ำเกลือที่สะอาด จากนั้นเอาไปประกบแผล ให้น้ำเหลืองแห้ง แล้ว ทายาสเตียรอยด์ เมื่อหายแล้ว ควรหยุดยา ไม่ควรซื้อยามาทาเอง ควรปรึกษาแพทย์ หรือ เภสัชกรก่อน เพราะยานั้นอาจจะมีผลข้างเคียง

เราสามารถป้องกันและรักษาโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังได้อย่างไร ?

  • หลังอาบน้ำควรจะปล่อยตัวให้แห้ง หรือ ใช้ผ้าขนหนูเช็ด ห้ามถูแรง หรือ ขัดเป็นอันขาด
  • ควรดูแลสุขอนามัย ใส่เสื้อผ้าที่สะอาด ซักล้างให้สะอาด อย่าให้มีผงซักฟอกตกค้าง
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 140 นาทีต่อสัปดาห์ หรือ 3 วัน ต่อสัปดาห์ แต่ละครั้งที่ออกกำลังกาย รู้สึกว่าหอบแฮกๆ จากนั้น หยุดพัก และ ทำใหม่ไปเรื่อยๆ อย่างน้อย 30 นาที
  • ตัดเล็บให้สั้น เพื่อ ป้องกันการเกา ไม่ให้เป็นแผล และ ติดเชื้อ เพราะ จะทำให้การรักษายากยิ่งขึ้น
  • ป้องกันไรฝุ่นในที่นอน ควรจะซักผ้าปูที่นอนสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
  • ทาโลชั่นให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว เป็นประจำหลังอาบน้ำ
  • ไม่รับประทานอาหารที่รู้ตนเองแพ้ หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้แพ้
  • หากอยู่ใกล้แหล่งมลพิษต่างๆ ควรออกจากพื้นที่นั้น

แหล่งอ้างอิง

  • allergy ใน พจนานุกรมศัพท์การแพทย์ดอร์แลนด์
  • Overview of ‘allergy and allergic diseases: with a view to the future’
ถุงกระสอบ ถุงล้อลาก ถุงสายรุ้ง ถุงการ์ตูน
ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove

สมุนไพรน่ารู้

คนทั่วไปมักเข้าใจว่าสมุนไพร คือ พืชที่สามารถนำมาทำเป็นยาเท่านั้น แต่จริงๆแล้ว สมุนไพรนั้นหมายรวมถึง สัตว์ หรือ แร่ธาตุจากธรรมชาติด้วย เราได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับสมุนไพรไทยที่สามารถใช้รักษาโรคและบำรุงร่างกาย เพื่อประโยชน์กับทุกคน
ดอกคำฝอย สมุนไพร สรรพคุณของคำฝอย
ดอกคำฝอย
ว่านชักมดลูก สมุนไพร
ว่านชักมดลูก
โด่ไม่รู้ล้ม สมุนไพร สรรพคุณของโด่ไม่รู้ล้ม
ว่านโด่ไม่รู้ล้ม
หมามุ่ย สมุนไพร สรรพคุณหมามุ่ย
หมามุ่ย