ไข้กาฬหลังแอ่น ไข้สูงอย่างกระทันหัน ตัวแดงเป็นผื่น เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย อันตรายหากรักษาไม่ทัน ทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือด เยื่อหุ้มสมองอักเสบ รักษาอย่างไร

ไข้กาฬหลังแอ่น โรคติดต่อ โรคติดเชื้อ

ไข้กาฬ หมายถึง โรคที่มีความรุนแรงที่มีผื่นสีดำขึ้นตามร่างกาย ส่วนคำว่า หลังแอ่น หมายถึง การอาการหลังแข็งเกร็ง มีอาการชัก

โรคไข้กาฬหลังแอ่น ( Meningococcal Meningitis ) ภาวะติดเชื้อแบคทีเรียไนซีเรีย เมนิงไจทิดิส ( Neisseria meningitides ) เป็นเชื้อโรคที่สามารถติดต่อกันได้จากการสัมผัสสารคัดหลังของคนที่มีเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นการจาม การไอ ซึ่งโรคไข้กาฬหลังแิอ่นมักพบ 2 ลักษณะ คือ คือ ไข้กาฬหลังแอ่นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และ ไข้กาฬหลังแอ่นติดเชื้อในกระแสเลือด

  • ไข้กาฬหลังแอ่นติดเชื้อในกระแสเลือด เกิดจากเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายและแพร่เข้าสู่กระแสโลหิต เมื่อเชื้อโรคเจือปนในเลือดและไหลเวียนไปตามอวัยวะต่างๆของร่างกาย ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดและปวด ซึ่งลักษณะอาการค่อนข้างรุนแรง
  • ไข้กาฬหลังแอ่นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นภาวะต่อจากการติดเชื้อในการแสเลือด เมื่อเชื้อโรคไหลเวียนเข้าสู่สมอง ทำให้เยื่อหุ้มสมองเกิดการติดเชื้อ ทำให้สมองอักเสบ ส่งผลถึงกระดูกสันหลังด้วย

ไข้กาฬหลังแอ่นในประเทศไทย

สถานการณ์โรคไข้กาฬหลังแอ่นในประเทศไทย มีรายงานผู้ป่วยโรคไข้กาฬหลังแอ่นทุกปี ซึ่งในช่วงปี พ.ศ. 2536 – 2552 มีรายงานผู้ป่วย 15 ถึง 74 รายต่อปี โรคนี้ไม่มีรูปแบบของการเกิดโรคตามฤดูกาลที่ชัดเจน โรคนี้สามารถเกิดได้กับคนทุกกลุ่มอายุ แต่มักพบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเด็กที่อายุตํ่ากว่า 5 ปี มักพบในกลุ่มคนที่อาศัยอยู่รวมกันอย่างหนาแน่นและแออัด สุขอนามัยไม่ดีนัก

สาเหตุของโรคไข้กาฬหลังแอ่น

โรคไข้กาฬหลังแอ่น เกิดจากร่างกายติดเชื้อแบคทีเรียไนซีเรีย เมนิงไจทิดิส ( Neisseria meningitides ) ซึ่งสามารถถ่ายทอดสู่คนอื่นๆได้ จากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ที่เป็นพาหะนำโรคผ่านระบบทางเดินหายใจ จากการไอ การจาม การสัมผัสเสมหะ สัมผัสน้ำมูก สัมผัสน้ำลาย เป็นต้น ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคไข้กาฬหลังแอ่น มีดังนี้

  • การอยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยที่เป็น โรคกาฬหลังแอ่น จะมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ เพราะ สูดอากาศ และ เอาเชื้อแบคทีเรียที่มันกระจายอยู่ในละอองเสมหะ หรือ แม้กระทั่งน้ำลายของผู้ป่วย เมื่อจาม ไอ
  • การอยู่ใกล้แหล่งที่มีผู้ป่วย และ อยู่ในสถานที่แออัด ทำให้เชื้อแพร่กระจายง่าย
  • การใช้ของใช้ร่วมกับ ผู้ป่วย หรือ ผู้ที่มีพาหะ เช่น แก้ว ผ้าเช็ดหน้า แปรงสีฟัน

อาการของโรคไข้กาฬหลังแอ่น

เมื่อร่างกายได้รับเชื้อแบคทีเรียไนซีเรีย เมนิงไจทิดิส ( Neisseria meningitides ) เข้าสู่ร่างกายจะมีระยะฟักตัวของโรคโดยเฉลี่ย 3 – 4 วัน ซึ่งโรคไข้กาฬหลังแอ่น จะมีลักษณะอาการที่สำคัญ อย่าง คือ มีไข้ มีผื่น และ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ 

ลักษณะอาการทั่วไป ผู้ป่วยมักจะมีไข้ประมาณ 2-3 วันและมีผื่นขึ้น ลักษณะเป็นจ้ำเลือดคล้ายกับอาการฟกช้ำ ลักษณะผื่นมีรูปคล้ายดาวกระจาย มักเกิดผื่นบริเวณลำตัวส่วนล่าง ขาและเท้า หากมีภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะรุนแรง อาเจียน คอแข็ง ผู้ป่วยจะค่อยๆซึมลง และไม่ค่อยรู้สึกตัว หากเกิดภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบอาจทำให้การเสียชีวิตได้

การรักษาโรคไข้กาฬหลังแอ่น

สำหรับการรักษาโรคไข้กาฬหลังแอ่น เมื่อแพทย์ตรวจเลือดและพบเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรค สามารถใช้การรักษาด้วยการใช้ยาปฎิชีวนะ เพื่อไปฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และรักษาด้วยการประคับประคองตามอาการอื่นๆ เพื่อบรรเทาอาการของผู้ป่วย

การป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น

แนวทางการป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น 2 วิธีหลัก คือ การฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันโรคและการฉีดยาต้านจุลชีพ ซึ่งนอกจากนั้นสามารถป้องกันโรคได้อย่างง่ายด้วยตนเอง คือ หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย ดูแลความสะอาดของร่างกาย ไม่เอาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่มีโอกาสในการติดเชื้อโรค แนวทางการปฏิบัติตนให้ห่างไกลโรคไข้กาฬหลังแอ่น มีดังนี้

  • ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับ ผู้อื่น หรือ ผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไรก็ตาม
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายเป็นประจำ พักผ่อนให้เพียงพอ
  • เมื่อจำเป็นต้องเข้าใกล้ผู้ป่วยให้สวมหน้ากากอนามัย หรือ ใช้ถุงมือยางเมื่อต้องสัมผัส
  • เมื่อทราบว่าตนเอง หรือ บุตรหลาน เป็นไข้สูง ให้รีบพบแพทย์
  • ดูแที่อยู่อาศัยให้สะอาด ถูกสุขลักษณะ

โรคไวรัสโคโรน่า ( corona virus ) โควิด-19 ภาวะปอดอักเสบอย่างรุนแรง การติดเชื้อจากสัตว์สู่คน อาการมีไข้ อ่อนเพลีย ไอ ปอดอักเสบ ไม่ได้กลิ่น ไมรู้รสอาหาร หายเองได้ไวรัสโคดรน่า ปอดอักเสบอย่างรุุนแรง โรคติดเชื้อ โรคทางเดินหายใจ

เชื้อไวรัสโคโรน่า คือ เชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง เป็นเชื้อไวรัสที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เมื่อดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ดู ลักษณะของเชื้อไวรัสชนิดนี้เหมือนรูปมงกุฎ ซึ่ง มงกุฎ ภาษาลาติน เรียกว่า corona จึงได้ตั้งชื่อไวรัสชนิดนี้ว่า ไวรัสโคโลน่า เชื้อไวรัสโคโรน่าข้ามสปีชีส์มาจากค้างคาวติดเชื้อสู่คน ซึ่งไวรัสโคโลน่าเมื่อเข้าสู่ร่างกายในระยะแรกจะไม่แสดงอาการ หลังจากนั้นผู้ป่วยจะมีไข้สูงและทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบอย่างรุนแรง เสียชีวิตได้ ปัจจุบันปี 2020 มีการระบาดหนักที่เมืองอู่ฮั่น ( Wuhan ) มณฑลหูเป่ย ( Hubei ) ประเทศจีน

สถานะการณ์การติดเชื้อไวรัสโคโรน่าในปัจจุบัน

สถานการ์ณการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า เมื่อมกราคม 2020 มีการติดเชื้อไวรัสโคโลน่าแพร่ระบาดหนักมากที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน และ มีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสดคโลน่า ซึ่งจากการสืบสวนหาแหล่งแพร่เชื้อของรัฐบาลจีน พบว่าเชื้อโรคมาจากกลุ่มคนงานและลูกค้าของตลาดขายส่งอาหารทะเลฮั่วนาน ( Huanan Seafood Wholesale Market ) พบว่ามาจากการกินงูสามเหลี่ยมที่กินค้างคาวเป็นอาหาร ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่พบว่าแพร่เชื้อพบว่าเป็นเชื้อโรคที่ข้ามสปีชีส์จากงูเห่าถ่ายทอดสู่คน

มีการรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสโคโลน่า ที่ประเทศจีนหลายเมืองนอกจากเมื่ออู่ฮั่น เช่น กวางตุ้ง ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เป็นต้น ซึ่งทางประเทศจีนได้ประกาศปิดเมืองอู่ฮั่น เพื่อควบคุมการเดินทางของคนจากเมืองนี้เพื่อลดการขยายของตัวของเชื้อไวรัสนี้ ซึ่งปัจจุบัน 27 มกราคม 2020 ยังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้ิอไวรัสชนิดนี้ได้ ต่อมาเกิดการระบาดจากจีนไปทั่วโลก โดยประเทศที่เกิดการระบาดหนัก เช่น อิตาลี สเปน สหรัฐอเมริกา อิหร่าน สวิสเซอร์แลนด์ และ เยอรมันนี เป็นต้น รายงานจำนวนผู้ป่วยทั่วโลก ในวันที่ 16 เมษายน 2020 มีผู้ป่วยท่วยโลก 2,064,815 คน เสียชีวิตมากถึง 137,078 คน

องค์การอนามัยโลก ( WHO ) ประกาศตั้งชื่ออย่างเป็นทางการสำหรับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยใช้ชื่อว่า ” โควิด-19 ” ( Covid-19 ) ย่อมาจาก “ coronavirus disease starting in 2019 ” หรือโรคที่เกิดจากไวรัสโคโรนาที่มีการเริ่มต้นในปี 2562

นายทีโดรส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า ในการเลือกชื่อให้ไวรัส องค์การอนามัยโลกหลีกเลี่ยงที่จะพาดพิงถึงที่ตั้งทางภูมิศาสตร์อย่างเจาะจง สายพันธุ์ต่างๆ ของสัตว์หรือกลุ่มคน ตามกรอบคำแนะนำสำหรับการตั้งชื่อเพื่อหลีกเลี่ยงสร้างบาดแผลหรือมลทินให้แก่เมืองอู่ฮั่น

สาเหตุของไวรัสโคโรน่า

งานวิจัยล่าสุดจากประเทศจีน เชื่อว่าคนที่ติดเชื้อโรคมาจากการกินงูสามเหลี่ยมที่กินค้างคาวเป็นอาหาร  ไวรัสโคโลน่า เป็นเชื้อไวรัสสายพันธ์ใหม่ที่กรายพันธ์มาจากงูและค้างคาว ซึึ่งสามารถเข้าสู่ร่างกายคนด้วยการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้มีเชื้อโรค ลมหายใจ บาดแผล ดวงตา เป็นต้น

กลุ่มเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโคโรน่า

สำหรับกลุ่มคนที่มีความเสี่ยง การติดเชื้อไวรัสโคโลน่า คือ กลุ่มคนที่ชอบกินอาหารป่า กินงู กินค้างคาว หรือ สัตว์ที่กินค้างคาวเป็นอาหาร ซึ่งสำหรับคนที่มีภาวะภุมิคุ้มกันโรคต้ำ เช่น ผู้สูงอายุ และ เด็ก จะเป็นกลุ่มเสี่ยงโรคนี้สูงมาก รวมถึงกลุ่มคนที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่อยู่ใกล้กับแหล่งที่มีเชื้อโรค เช่น เม่ืองอู่ฮั่น ประเทศจีน สนามบิน เป็นต้น

อาการไวรัสโคโลน่า

สำหรับการแสดงอาการของผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ในระยะแรกที่เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายจะไม่แสดงอาการป่วยหรือมีไข้ให้เห็น เมื่ออาการป่วยแสดงอาการผู้ป่วยจะมีไข้สูง อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามร่างกาย กระสับกระส่าย มีอาการไอ เบื่ออาหาร และ มีอาการปอดติดเชื้ออย่างรุนแรง จนทำให้เกิดภาวะการหายใจล้มเหลว และ เสียชีวิตในที่สุด

การรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโลน่า

แนวทางการรักษาโรคไวรัสโคโลน่า ในปัจจุบันยังไม่มีที่สามารถรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้ การรักษาจึงใช้การประคับประครองรักษาตามอาการ และ ให้ร่างกายของผู้ป่วยซ่อมแซมตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ป่วยที่สามารถรักษาจนหมดเชื้อในร่างกายได้แล้ว

การป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า

แนวทางการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโลน่า สามารถปฏิบัติได้ ดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังเมืองที่มีความเสี่ยงติดโรค เช่น จีน อิตาลี เยอรมัน สเปน อิหร่าน สหรัฐอเมริกา และ อีกหลายประเทศทั่วโลก  ซึ่งเป็นแหล่งระบาดของโรค และ อาจเป็นแหล่งที่มีเชื้อโรคระบาด
  • หลีกเลี่ยงการเดินทางไปสนามบินหรือสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งอาจมีเชื้อโรคในร่างกายโดยไม่รู้ตัว
  • ให้ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์
  • สวมหน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อโรค
  • หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆที่สามารถรวมตัวคนจำนวนมากได้ เช่น สถานบันเทิง สนามกีฬา เป็นต้น
  • เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล อย่างน้อย 2 เมตร
ถุงกระสอบ ถุงล้อลาก ถุงสายรุ้ง ถุงการ์ตูน
ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove

สมุนไพรน่ารู้

คนทั่วไปมักเข้าใจว่าสมุนไพร คือ พืชที่สามารถนำมาทำเป็นยาเท่านั้น แต่จริงๆแล้ว สมุนไพรนั้นหมายรวมถึง สัตว์ หรือ แร่ธาตุจากธรรมชาติด้วย เราได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับสมุนไพรไทยที่สามารถใช้รักษาโรคและบำรุงร่างกาย เพื่อประโยชน์กับทุกคน
ดอกคำฝอย สมุนไพร สรรพคุณของคำฝอย
ดอกคำฝอย
ว่านชักมดลูก สมุนไพร
ว่านชักมดลูก
โด่ไม่รู้ล้ม สมุนไพร สรรพคุณของโด่ไม่รู้ล้ม
ว่านโด่ไม่รู้ล้ม
หมามุ่ย สมุนไพร สรรพคุณหมามุ่ย
หมามุ่ย