โรคหัวใจรูมาติก ไข้รูมาติก การติดเชื้อคออักเสบ ทำให้อวัยวะต่างๆอักเสบรวมถึงลิ้นหัวใจ อาการมีไข้ อ่อนเพลีย เจ็บหน้าอก หายใจหอบ กล้ามเนื้อกระตุก ผิวหนังมีผื่นแดงโรคหัวใจรูมาติก ไข้รูมาติก ลิ้นหัวใจอักเสบ โรคหัวใจ

โรคหัวใจรูมาติก เป็นโรคที่พบบ่อยในประชากรไทย โดยเฉพาะเกิดกับเด็ก ซึ่งผู้ป่วยมักจะไม่ทราบมาก่อนว่าตนเองเป็นโรคหัวใจ รูมาติก โรคนี้ต้องใช้เวลานานกว่าจะทราบว่าตนเองป่วย โดยมากแล้วเด็กที่ป่วยโรคนี้มักมีที่อยู่อาศัยในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี การโภชนาการไม่ดี กลุ่มประเทศยากจนและประเทศกำลังพัฒนา จึงพบปัญหาโรคนี้บ่อย

โรคหัวใจรูมาติก คือ อาการผิดปรกติของหัวใจจากลิ้นหัวใจตีบหรือรั่ว เป็นโรคที่เกิดบ่อยในกลุ่มเด็ก แต่ไม่ใช่โรคหัวใจโดนกำเนิด  ซึ่งอาการของผู้ป่วย เริ่มจากมีไข้ อ่อนเพลีย เจ็บหน้าอก หายใจหอบ กล้ามเนื้อกระตุก ผิวหนังมีผื่นแดง อัตราการเกิดโรคนี้พบว่าประชากรใน 1000 คน มีผู้ป่วย 0.35-1.4 คน

สาเหตุของการเกิดโรคหัวใจรูมาติก

โรคหัวใจรูมาติก เริ่มจากการติดเชื้อคออักเสบ เบต้าสเตรปโตคอคคัสกลุ่ม เอ ( Beta- hemolytic Streptococcus Group A ) ทำให้ร่างกายมีการตอบสนองต่อการติดเชื้อผิดปกติ และสร้างภูมิต้านทานเพื่อทำลายเชื้อแต่กลับมาทำลายตัวเอง ส่งผลให้อวัยวะต่างๆอักเสบ เช่น ผิวหนังอักเสบ ระบบประสาทผิดปกติ ปวดตามข้อ และ หัวใจอักเสบ

อาการอักเสบที่หัวใจ ทำให้เกิดผังผืดเกาะยึดบริเวณลิ้นหัวใจ ( fibrosis ) เมื่อลิ้นหัวใจแข็งตัวไม่สามารถโปกสะบัดเหมือนเคย จึงทำให้ระบบต่างๆในร่างกายผิดปรกติตามมา

อาการของผู้ป่วยโรคหัวใจรูมาติก

สำหรับอาการเบื้นต้นของผู้ป่วยในระยะติดเชื้อโรค คือ ผู้ป่วยจะมีไข้ ปวดบวมตามข้อ มีปุ่มใต้ผิวหนัง ผิวหนังเป็นผื่นแดง กล้ามเนื้อกระตุกไม่มีแรง เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เจ็บหน้าอก หอบ เป็นต้น เมื่อหัวใจอักเสบ จะกลายเป็นโรคหัวใจเรื้อรัง อาจทำให้หัวใจวายและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ สามารถสรุปลักษณะอาการของโรคหัวใจรูมาติกได้ ดังนี้

  • มีอาการไข้
  • อาการอ่อนเพลีย เหนื่อล้า
  • เจ็บหน้าอก
  • หายใจหอบ
  • กล้มเนื้อกระตุก
  • ผิวหนังมีผื่นแดง
  • ปุ่มใต้ผิวหนัง
  • ลิ้นหัวใจอักเสบเรื้อรัง

การรักษาโรคหัวใจรูมาติก

แนวทางการรักษาโรคหัวใจรูมาติก สามารถทำได้โดยการประคับประคองอาการตามอาการที่พบ การผ่าตัดรักษาหัวใจ และ ป้องกันการกลับมาเป็นโรคอีกครั้ง เราสามารถแบ่งการรักษาโรคหัวใจรูมาติก ได้ดังนี้

  • รักษาอาการติดเชื้อเบต้าสเตรปโตคอคคัสกลุ่ม เอ โดยใช้ยาฆ่าเชื้อ
  • รักษาอาการอักเสบต่างๆ โดยให้ยาแอสไพริน ( aspirin ) ในขนาดสูง
  • รักษาอาการของโรคหัวใจโดยขยายลิ้นหัวใจที่ตีบ หรือ ผ่าตัดซ่อมแซมลิ้นหัวใจ

แนวทางการป้องกันโรคหัวใจรูมาติก

สำหรับแนวทางการป้องกันโรคหัวใจรูมาติก สามารถป้องกันจากสาเหตุหลัก คือ การป้องกันการติดเชื้อโรค จนทำให้ร่างกายเกิดอาการอักเสบ ซึ่งแนวทางการป้องกันโรคหัวใจรูมาติด มีดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการติดเชื้อต่างๆ โดยไม่เข้าใกล้ชิดผู้ป่วยโรคคออักเสบ หรือ โรคหวัด
  • หากเกิดอาการติดเชื้อคออักเสบ หรือ ต่อมทอนซิลอักเสบ ต้องรักษาให้หายขาดอย่าให้เกิดอาการเรื้อรัง
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และ ถูกสุขอนามัย
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • ปรับสภาพแวดล้อมให้สะอาด เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อโรค

โรคหัวใจรูมาติก หรือ ไข้รูมาติก เกิดจากการติดเชื้อคออักเสบ จนทำให้อวัยวะต่างๆอักเสบ รวมถึงลิ้นหัวใจ อาการเริ่มจากมีไข้ อ่อนเพลีย เจ็บหน้าอก หายใจหอบ กล้ามเนื้อกระตุก ผิวหนังมีผื่นแดง แนวทางการรักษาโรคทำอย่างไร

Fongza.com เว็บไซต์ที่ทำเนื้อหาเกี่ยวกับการให้ความรู้ด้านสุขภาพ โดยเราเชื่อว่าสุขภาพที่ดีต้องดีทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ เนื้อหาของเราจึงประกอบด้วย โรคต่างๆ การรักษาโรค สมุนไพร การเลี้ยงลูก แม่และเด็ก การออกกำลังกาย ความสวยความงาม โหงวเฮ้ง และ อาหารสุขภาพ โดยเน้นการให้ความรู้ ไม่ได้มีเจตนาให้คำวินิจฉัยการรักษาโรค การที่ท่านนำเนื้อหาของเราไปใช้ประโยชน์ให้ปรึกษาผู้เชียวชาญก่อน หากป่วยให้เข้ารับการรักษากับแพทย์เท่านั้น

ขอบคุณท่านผู้สนับสนุนการทำเนื้อหา ทรัพทย์ทวี จำหน่ายถุงกระสอบ ถุงกระสอบสำหรับงานขนย้ายต่างๆ ถุงสายรุ้ง ถุงไนลอน ถุงการ์ตูน และ ถุงล้อลาก ถุงราคาถูกที่ใครๆก็จับต้องได้

ถุงลมโป่งพอง ภาวะเสี่ยงของคนสูบบุหรี่ อาการหายใจลำบาก เหนื่อยหอบ ไม่มีแรง ไอเรื้อรัง หายใจเป็นเสียงหวีด แนวทางการรักษาโรคนี้ทำอย่างไร การป้องกันโรคมีอะไรบ้างโรคถุงลมโป่งฟอง โรคปอด โรคระบบทางเดินหายใจ โรคไม่ติดต่อ

โรคถุงลมโป่งพอง ( Emphysema ) คือ โรคระบบทางเดินหายใจ เกิดจากการอุดกั้นที่ปอดแบบเรื้อรัง โรคนี้ส่วนใหญ่เกิดกับกลุ่มคนที่สูบบุหรี่ เป็นโรคยอดฮิด ติดอันดับโรคที่ทำทีคนเสียชีวิตมากที่สุดสิบอันดับแรก และ เกิดกับเพศชายมากกว่าเพศหญิง

สาเหตุของการเกิดโรคถุงลมโป่งพอง

โรคถุงลมโป่งพอง ส่วนมากเกิดในกลุ่มคนที่สูบบุหรี่ แต่ในทางการแพทย์ก็ยังไม่ทราบสรุปสาเหตุของการเกิดโรคที่แท้จริงว่ามาจากการสูบบุหรี่ แต่จากการศึกษาสถิติของผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง ผู้ป่วยที่สูบบุหรึ่มากกว่าผู้ไม่สูบถึง 6 เท่า ซึ่งสามารถสรุปปัจจัยที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคถุงลมโป่งพอง มีดังนี้

  • การสูบบุหรี่ติดต่อกันเป็นเวลานาน และ สูบในปริมาณที่มาก
  • การถ่ายทอดทางพันธุกรรม ซึ่งพบว่ามาเอนไซม์ Alpha-one antitrypsin ที่ทำหน้าป้องการถูกทำลายเนื้อเยื่อ มีไม่เพียงพอในร่างกาย
  • การได้รับสารพิษทางอากาศ ซึ่งเกิดจากสภาพแวดล้อม เช่น เหมืองถ่านหิน โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น

กลไกการเกิดโรคถุงลมโป่งพอง

เมื่อควันบุหรี่หรือมลภาวะต่างๆเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจทำให้เกิดอาการอักเสบ ทำให้การทำงานของเอนไซม์ Alpha-one antitrypsin ลดลงหรือไม่ทำงาน เมื่อเอนไซม์ป้องการทำลายเนื้อเยื่อเกี่ยวพันไม่ทำงานผนังกั้นถุงลมเล็กๆจึงถูกทำลายถุงลมจึงมีลักษณะรวมกันเป็นถุงลมใหญ่เดียว การแลกเปลี่ยนก๊าซทำได้น้อยลงเนื่องจากจำนวนถุงลมลดลง เกิดการคลั่งของก๊าซ ปริมาณออกซิเจนในปอดลดลง จึงทำให้ผู้ป่วยต้องหายใจเร็วขึ้นมากขึ้นเพื่อให้ได้ออกซิเจนตามที่ร่างกายต้องการ เมื่อร่างกายมีออกซิเจนต่ำจะเหนื่อยง่าย หลอดเลือดบริเวณผนังถุงลมถูกทำลายด้วยทำให้หายใจลำบากมากยิ่งขึ้น

อาการโรคถุงลมโป่งพอง

สำหรับอาการจของโรคถุงลมโป่งพอง จะแสดงอาการอย่างชัดเจนที่ระบบทางเดินหายใจ แต่ก็มีทีี่ผู้ป่วยบางรายไม่แสดงอาการ ซึ่งสำหรับการสังเกตุอาการของโรคถุงลมโป่งพอง สามารถสังเกตุอาการต่างๆ ได้ดังนี้

  • มีอาการไอ และ มีเสมหะ
  • อาการเหนื่อล้า และ ไม่มีแรง มีอาการเหนื่อยแบบเฉียบพลัน กล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • เจ็บบริเวณหน้าอก เสียงหายใจดังวี๊ด บางรายอาจพบว่ามีริมฝีปากหรือเล็บเป็นสีคล้ำออกม่วงเทาหรือฟ้าเข้มเนื่องจากขาดออกซิเจน
  • การหายใจเร็วผิดปกติ
  • ความดันโลหิตสูง
  • ตับโต มีอาการท้องมาน แขนขาบวม
  • น้ำหนักตัวลดลง

การวินิจฉัยโรคถุงลมโป่งพอง

แนวทางการวินิจฉัยโรค แพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติทางการแพทย์ พฤติกรรมการสูบบุหรี่ รวมถึงสภาพแวดล้อมของผู้ป่วย จากนั้นจะมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น X-ray ปอด ตรวจสมรรถภาพปอด ( Spirometry ) และ ตรวจหาเอนไซม์ Alpha-one antitrypsin

 การรักษาโรคถุงลมโป่งพอง

แนวทางการรักษาโรคถุงลมโป่งพอง เนื่องจากโรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แนวทางการรักษาจะเน้นเรื่องการรักษาตามอาการ และ ชะลออาการโรค ปรับพฤติกรรมของผู้ป่วย แนวทางการรักษาโรค มีดังนี้

  • ให้รหยุดการบุหรี่ รวมถึงหลีกเลี่ยงการสูดมลพิษ
  • การรับประทานยารักษาอาการต่างๆ เช่น ยาลดการอักเสบ ยาลดความดันโลหิต ยาปฏิชีวนะตามเชื้อที่ได้รับ
  • ผ่าตัดถุงลมที่โป่งพองออก เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวกขึ้น รวมถึงฟื้นฟูสมรรถภาพการหายใจ
  • รับประทานอาหารให้เพียงพอ
  • ในกรณีที่มีอาการรุนแรงต้องผ่าตัดเปลี่ยนปอด

การป้องกันโรคถุงลมโป่งพอง

สำหรับแนวทางการป้องกันโรค ต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้สูดดมมลพิษต่างๆเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ แนวทางการป้องกันโรค มีดังนี้

  • เลิกสูบบุหรี่
  • หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่มลพิษต่างๆ หากจำเป็นต้องใช้หน้ากากอนามัยป้องกันมลพิษเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

โรคถุงลมโป่งพอง คนสูบบุหรี่มีโอกาสเกิดโรคนี้ ลักษณะอาการโรคนี้ หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ ไม่มีแรง ไอเรื้อรัง หายใจเป็นเสียงหวีด แนวทางการรักษาโรคนี้ทำอย่างไร และ การป้องกันโรคมีอะไรบ้าง 

Fongza.com เว็บไซต์ที่ทำเนื้อหาเกี่ยวกับการให้ความรู้ด้านสุขภาพ โดยเราเชื่อว่าสุขภาพที่ดีต้องดีทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ เนื้อหาของเราจึงประกอบด้วย โรคต่างๆ การรักษาโรค สมุนไพร การเลี้ยงลูก แม่และเด็ก การออกกำลังกาย ความสวยความงาม โหงวเฮ้ง และ อาหารสุขภาพ โดยเน้นการให้ความรู้ ไม่ได้มีเจตนาให้คำวินิจฉัยการรักษาโรค การที่ท่านนำเนื้อหาของเราไปใช้ประโยชน์ให้ปรึกษาผู้เชียวชาญก่อน หากป่วยให้เข้ารับการรักษากับแพทย์เท่านั้น

ขอบคุณท่านผู้สนับสนุนการทำเนื้อหา ทรัพทย์ทวี จำหน่ายถุงกระสอบ ถุงกระสอบสำหรับงานขนย้ายต่างๆ ถุงสายรุ้ง ถุงไนลอน ถุงการ์ตูน และ ถุงล้อลาก ถุงราคาถูกที่ใครๆก็จับต้องได้

ถุงกระสอบ ถุงล้อลาก ถุงสายรุ้ง ถุงการ์ตูน
ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove

สมุนไพรน่ารู้

คนทั่วไปมักเข้าใจว่าสมุนไพร คือ พืชที่สามารถนำมาทำเป็นยาเท่านั้น แต่จริงๆแล้ว สมุนไพรนั้นหมายรวมถึง สัตว์ หรือ แร่ธาตุจากธรรมชาติด้วย เราได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับสมุนไพรไทยที่สามารถใช้รักษาโรคและบำรุงร่างกาย เพื่อประโยชน์กับทุกคน
ดอกคำฝอย สมุนไพร สรรพคุณของคำฝอย
ดอกคำฝอย
ว่านชักมดลูก สมุนไพร
ว่านชักมดลูก
โด่ไม่รู้ล้ม สมุนไพร สรรพคุณของโด่ไม่รู้ล้ม
ว่านโด่ไม่รู้ล้ม
หมามุ่ย สมุนไพร สรรพคุณหมามุ่ย
หมามุ่ย