กวาวเครือขาว สมุนไพร นิยมนำหัวมาใช้ประโยชน์ ทำให้ผิวพรรณเต่งตึง นมโต กระตุ้นฮอร์โมนเพศหญิง ทำให้กระชุ่มกระชวย ต้นกวาวเครือเป็นอย่างไร โทษของกวาวเครือ มีอะไรบ้าง

กวาวเครือขาว สมุนไพร สมุนไพรไทย

ต้นกวาวเครือขาว ( Pueraria mirifica ) ชื่อวิทยาศาสตร์ของกวาวเครือขาว คือ Pueraria candollei var. mirifica (Airy Shaw & Suvat.) Niyomdham เป็นพืชตระกูลถั่ว ชื่อเรียกอื่นๆของกวาวเครือขาว เช่น กวาว กวาวหัว กวาวเครือ เครือขาว จานเครือ ตานเครือ ทองเครือ ทองกวาว จอมทอง ตานจอมทอง โพ้ต้น และ โพะตะกู เป็นต้น ซึ่งชืื่อเรียกของกวาวเครือ แตกต่างกันตามลักษณะภูมิประเทศและการใช้ภาษาของท้องถิ่นนั้นๆ

ลักษณะต้นกวาวเครือขาว

ต้นกวาวเครือ เป็นพืชล้มลุกตระกูลถั่ว มีหัวอยู่ใต้ดิน พบมากตามป่าเบญจพรรณ พื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเล 250 เมตร ถึง 800 เมตร พบมากในเขตภูเขาของประเทศไทย สามารถขยายพันธ์โดยใช้การเพาะเมล็ด ลักษณะของต้นกวาวเครือขาว มีดังนี้

  • ลำต้นกวาวเครือขาว ลักษณะกลม ผิวเกลี้ยงลักษณะยาว ความยาวประมาณ 5 เมตร
  • ใบของกวาวเครือขาว เป็นในประกอบ มีใบย่อย 3 ใบเรียงสลับกันที่ปลายใบ ใบเป็นทรงรีปลายใบแหลม เนื้อใบเรียบ ด้านล่างของในมีขนสั้นๆ
  • ดอกกวาวเครือขาว ออกดอกเป็นช่อ ดอกออกตามซอกกิ่ง กลีบดอกลักษณะคล้ายกัน คือ งอนโค้งคล้ายปีกนก
  • ผลกวาวเครือขาว ออกผลเป็นฝัก ลักษณะแบน มีขน ฝักมีสีน้ำตาล ภายในฝักมีเมล็ด ลักษณะของเมล็ดกลม เมล็ดแก่จะมีลายสีเขียวปนม่วง หรือ สีน้ำตาลปนม่วง
  • หัวของกวาวเครือขาว ลักษณะเหมือนมันแกว หัวอยู่ใต้ดิน เป็นแหล่งสะสมของอาหารต่างๆ มีสรรพคุณุสูง มีฤทธิ์ทางยามากยิ่งหัวมีอายุมากขนาดก้จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ น้ำหนักได้มากถึง 20 กิโลกรัม หัวกวาวเครือมียางสีขาวคล้ายน้ำนม เนื้อหัวกวาวเครือสีขาว เนื้อเปราะ มีเส้นมาก มีน้ำมาก

กวาวเครือขาว สมุนไพรไทย มีประโยชน์สำหรับบำรุงเพศ ทั้งหญิงและชาย กระตุ้นฮอร์โมนหญิง ทำให้กระชุ่มกระชวย กระทรวงสาธารณสุขของไทย จัดให้กวาวเครือขาวเป็นตัวยาชนิดหนึ่งในตำรับยาบำรุงร่างกาย ได้รับอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนเป็นตำรับยาแผนโบราณ และ ยาแผนโบราณสามัญประจำบ้าน สามารถรับประทานได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งจากแพทย์

คุณค่าทางโภชนาการของกวาวเครือขาว

หัวกวาวเครือขาวมีประโยชน์หลายอย่าง มีสารที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน นักโภชนากการได้ศึกษาคุณค่าทางโภชนากการของกวาวเครือขาวแห้ง ขนาด 100 กรัม ให้พลังงาน 308 แคลลอรี่ มีสารอาหารต่างๆประกอบด้วย ไขมัน คาร์โบไฮเดรต กากใยอาหาร น้ำตาล โปรตีน แคลเซี่ยม และ ธาตุเหล็ก

ด้านการศึกษาองค์ประกอบทางเคมีของหัวกวาวเครือขาว พบว่าในกวาวเครือขาวมีสารเคมีต่างๆ แบ่งเป็นกลุ่มๆ ได้ดังนี้

  • สารกลุ่มคูมารินส์ ( Coumarins ) ได้แก่ Coumestrol , Mirificoumestan , Mirificoumestan Glycol และ Mirificoumestan hydrate
  • สารกลุ่มฟลาโวนอยด์ ( Flavonoids ) หัวกวาวเครือขาวมีสารจำพวก lsoflavonoid หลายชนิด เช่น Genistain , Daidzein , Daidzin , Puerarin , Puerein-6-monoacetate , Mirificin , Kwakhurin และ Kwakhurin hydrate
  • สารกลุ่มโครมีน ( Chromene ) ได้แก่ Miroestrol เป็นสารที่มีฤทธิ์คล้ายเอสโตรเจน พบในปริมาณ 0.002 – 0.003 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักหัวกวาวเครือขาวแห้ง หรือ 15 มิลลิกรัม ต่อ กวาวเครือขาวแห้ง 1 กิโลกรัม
  • สารกลุ่มสเตียรอยด์ ( steroids ) ได้แก่ B-sitosterol , Stigmasterol , Pueraria และ Mirificasterol

สรรพคุณของกวาวเครือขาว

การนำเอากวาวเครือขาวมาใช้ประโยชน์นั้นจะนิยมใช้ประโยชน์จากหัวกวาวเครือขาวแห้งนำมาบดเป็นผง และนำมาใช้ประโยชน์ด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค สรรพคุณของกวาวเครือขาว มีดังนี้

  • ช่วยบำรุงผิวพรรณ ทำให้เต่งตึง ผิวใสดูเปล่งปลั่ง เนียนนุ่มสวย
  • ช่วยบำรุงกำลัง เป็นอายุวัฒนะ ช่วยชะลอวัย ชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
  • ช่วยบำรุงสตรี ช่วยขยายทรวงอกให้ใหญ่ขึ้น ทำให้นมโต แก้ปัญหาทรวงอกหย่อนคล้อย
  • บำรุงเส้นผม ทำให้เส้นผมดกดำ ทำช่วยผมขาวกลับคืนสภาพปกติ รักษาผมร่วง
  • ช่วยลดความมันบนใบหน้า รักษาสิว รักษาฝ้า รักษากระ ช่วยสมานริ้วรอยบนใบหน้าจากความหยาบกร้าน
  • ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย แก้อาการอ่อนเพลีย เมื่อยล้าของร่างกาย ทำให้นอนหลับสบาย
  • บำรุงสมอง ช่วยให้ความจำดีขึ้น
  • ช่วยเจริญอาหาร ทำให้รับประทานอาหารอร่อยขึ้น
  • ช่วยบำรุงเลือด
  • ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันโรคตาฟาง ป้องกันต้อกระจก
  • ช่วยบำรุงกระดูก ป้องกันโรคกระดูกพรุน
  • ช่วยเพิ่มสมรรภภาพทางเพศ บำรุงอวัยวะสืบพันธุ์
  • ช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิง สำหรับสตรีวัยหมดประจำเดือน แก้อาการหมดประจำเดือนในวัยก่อนและหลังหมดประจำเดือนที่มีอาการบกพร่องของฮอร์โมนเอสโตรเจน ช่วยใช้ช่องคลอดไม่แห้ง ช่วยกระชับช่องคลอด
  • ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งเต้านม ป้องกันมะเร็งปากมดลูก
  • ช่วยแก้อาการปวดประจำเดือน และ ประจำเดือนมาเป็นปกติ
  • สำหรับคนมีบตรุยาก ทำให้มีลูก

โทษของกวาวเครือขาว

ต้นกวาวเครือขาว มีความเป็นพิษหากรับประทานหรือใช้ประโยชน์ในปริมาณที่มากเกินไป โดยข้อห้ามใช้ประโยชน์จากกวาวเครือขาว ตามตำราแผนโบราณ ประกอบด้วย

  • ห้ามคนวัยหนุ่มสาวกิน รวมถึง หญิงวัยเจริญพันธุ์ เพราะ อาจทำให้ส่งผลต่อการทำงานของระบบฮอร์โมนเพศ และ ระบบประจำเดือน
  • เด็กหญิงวัยก่อนมีประจำเดือน ไม่ควรรับประทาน
  • สตรีที่อยู่ในระหว่างให้นมบุตร ไม่ควรรับประทาน
  • ผู้ที่เป็นโรคมะเร็ง เนื้องอก หรือเป็นโรคต่อมไทรอยด์โต ไม่ควรรับประทาน
  • ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับทรวงอก มดลูกและรังไข่ เช่น เป็นซีสต์ พังผืด เนื้องอกเป็นก้อน มะเร็ง ก็ไม่ควรรับประทาน
  • กวาวเครือขาว ห้ามกินรวมกับของดองหมักดอง ของเปรี้ยว ของเค็ม และ ควรอาบน้ำวันละ 3 ครั้ง
  • ผู้ที่ดื่มสุรา และ ผู้ป่วยโรคตับไม่ควรรับประทาน
  • กวาวเครือขาวไม่ควรรับประทานในปริมาณมาก และ ไม่ควรรับประทานต่อเนื่องติดต่อกันนานกว่า 2 ปี
  • การรับประทานกราวเครือขาวอาจทำให้ประจำเดือนมากกว่าปกติ แต่การที่ประจำเดือนมามากก็ถือเป็นผลดีต่อร่างกายในการขับของเสียในร่างกาย ทำให้ระบบไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น
  • การรับประทานกวาวเครือขาวเกินขนาดเป็นอันตราย ทำให้มีอาการมึนเมา คลื่นไส้ อาเจียน

กวาวเครือขาว คือ สมุนไพรประเภทหนึ่ง พืชล้มลุก นิยมใช้หัวมาใช้ประโยชน์ ทำให้ผิวพรรณเต่งตึง นมโต กระตุ้นฮอร์โมนเพศหญิง ทำให้กระชุ่มกระชวย จัดเป็นยาอายุวัฒนะ ต้นกวาวเครือเป็นอย่างไร โทษของกวาวเครือ สารเคมีในกวาวเครือมีอะไรบ้าง

หมามุ่ย สมุนไพรพื้นบ้าน ใช้รักษาดรคได้ ต้นหมามุ่ยเป็นอย่างไร ประโยชน์และสรรพคุณช่วยกระตุ้นประสาท บำรุงกำลัง โทษของหมาหมุ่ยมีอะไรบ้าง

หมามุ่ย สมุนไพร สมุนไพรไทย

หมามุ่ย มีถิ่นกำเนิดในประเทศเขตร้อน ทวีปแอฟริกา ทวีปเอเชีย เช่น ประเทศอินเดีย ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เป็นต้น สายพันธ์ของหมามุ้ย ที่รู้จักกันดี มี 2 สายพันธ์ คือ หมามุ้ยไทย และ หมามุ้ยอินเดีย ต้นหมามุ่ย  ต้นหมามุ้ย ( Cowitch ) สมุนไพร พืชตระกูลถั่ว ชื่อวิทยาศาสตร์ของหมามุ้ย คือ  Mucuna pruriens (L.) DC.  ชื่อเรียกอื่นๆของต้นหมามุ้ย เช่น บะเหยือง หม่าเหยือง ตำแย โพล่ยู กลออือแซ ถั่วเวลเวท เป็นต้น

ลักษณะของต้นหมามุ่ย

หมามุ่ย เป็นไม้เถา พืชล้มลุก ตระกลูถั่ว โดยลักษณะของต้นหมามุ่ย มีลักษณะดังนี้

  • ลำต้น เป็นเถาเครือ ยาวประมาณ 10 เมตร เปลือกมีสีน้ำตาล
  • ใบ ลักษณะของใบหมามุ่นทรงรี คล้ายไข่ ใบบาง โคนใบกลม มีขนปกคลุมใบทั้งสองด้าน
  • ดอก ลักษณะของดอกหมามุ่ยเป็นช่อ มีขนปกคลุม สีม่วงอมดำ ดอกหมามุ่ยมีกลิ่นฉุน ดอกหมามุ่ยตามตามง่ามของใบ
  • ผล ลักษณของผลหมามุ่ย เป็นฝัก ความยาวประมาณ 10 เซนติเมตร ฝักของหมามุ่ยมีขนอ่อนๆปกคลุม ฝักแก่ของหมามุ่ยมีฤิทธิ์เป็นพิษ ทำให้ผิวหนัง คับ บวมแดง ปวดแสบปวดร้อน ขนของหมามุ่ย มี สารเซโรโทนิน ( Serotonin ) หากสัมผัสผิวกายของมนุษย์จะทำให้รู้สึกคัน
  • เมล็ด ภายในฝักของหมามุ่ย มีเมล็ด สีน้ำตาลเข้ม หรือ สีดำ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ เมล็ดหมามุ่ย มี สารแอลโดปา ( L-Dopa ) มีประโยชน์ต่อระบบสืบพันธุ์ และ ระบบประสาท ช่วยรักษาโรคพาร์กินสัน ได้

คุณค่าทางโภชนาการของหมามุ่ย

นักภาชนาการได้ศึกษาเมล็ดหมามุ่ย คุณค่าทางโภชนาการของเมล็ดหมามุ่ย นั้นมี โปรตีน ไขมัน และ กากใยอาหาร  และ ในเมล็ดของหมามุ่ย มีสารอาหารสำคัญมากมาย มีกรดอะมิโน ที่จำเป็น ถึง 18 ชนิด และ สารอาหาร ได้แก่ ธาตุแคลเซียม ทองแดง ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม และ ธาตุสังกะสี  เมล็ดหมามุ้ยมีพิษไม่สามารถกินแบบสดๆได้

ความแตกต่างของหมามุ้ยอินเดียและหมามุ่ยไทย

สำหรับหมามุ่ยที่คนรู้จักกัน มี 2 ชนิด คือ หมามุ่ยอินเดีย และ หมามุ่ยไทย ซึ่งมีลักษณะที่แตกต่างกัน แต่การนำเอาหมามุ่ยมาใช้ประโยชน์ใช้หมามุ่ยอินเดีย เพราะ หมามุ่ยอินเดีย มีสรรพคุณทางยาสูงกว่าหมามุ่ยไทย และ ความเป็นพิษน้อยด้วย ซึ่งความแตกต่างของหมามุ่ยไทยและ หมามุ่ยอินเดีย ที่เห็นอย่างชัดเจน คือ รูปร่าง และ ความคันเมื่อสัมผัส

หมามุ่ยอินเดีย ( Velvet Bean ) ชื่อวิทยาศาสตร์ของหมามุ่ยอินเดีย คือ Mucuna pruriens(L.)DC.var.utilis สายพันธุ์หมามุ่ยอินเดีย ในปัจจุบัน มี 2 สายพันธุ์ คือ หมามุ่ยอินเดียเมล็ดขาว และ หมามุ่ยอินเดียเมล็ดดำ

หมามุ่ยอินเดียในประเทศไทย

หมามุ่ยอินเดีย เข้าสู่ประเทศไทยมานานแล้ว รู้จักแพร่หลายในประเทศอินเดีย เชื่อว่าหมามุ่ยอินเดีย เข้าสูประเทศไทย ผ่านทางเรือ หรือ ผู้แสวงบุญที่กลับจากประเทศอินเดีย มีการใช้ประโยชน์อย่างแพร่หลายในประเทศอินเดีย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ศึกษาเมล็ดของหมามุ่ยอินเดีย ด้วยวิธี HPLC เพื่อตรวจสอบคุณภาพของสารออกฤทธิ์ในเมล็ดหมามุ่ยอินเดีย ซึ่งผลจากการวิจัย พบว่า หมามุ่ยอินเดีย มี แอล – โดปา ( L-Dopa ) เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์ โดพามีน ( Dopamine ) มีผลต่อระบบสืบพันธุ์ และ ระบบประสาท และยังมี สารต่อต้านอนุมูลอิสระ ( Anti-Oxidant ) ช่วยส่งเสริมสุขภาพของสมอง ช่วยผ่อนคลาย และ ชะลอวัย

สรรพคุณของหมามุ่ย

ต้นหมามุ้ย นิยมใช้ประโยชน์มาช้านาน ด้านการรักษาโรค และ การบำรุงร่างกาย ประโยชน์จากหมามุ้ย สามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้ง เมล็ด ราก และ ใบ รายละเอียดของสรรพคุณหมามุ้ย ดังนี้

  • ใบหมามุ้ย ใช้รักษาแผล นำมาทำยาพอกเพื่อรักษาแผล
  • เมล็ดหมามุ่ย สรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลัง ทำให้สดชื่น ช่วยผ่อนคลาย แก้นอนไม่หลับ เพิ่มสมรรถภาพ ช่วยเพิ่มน้ำอสุจิ ช่วยกระตุ้นให้มีลูก ช่วยกระตุ้นความรู้สึก ทำให้อวัยวะแข็งตัว ช่วยชะลอการหลั่งอสุจิ เพิ่มฮอร์โมนสตรี ทำให้หน้าอกเต่งตึง ทำให้นมโต บำรุงผิวพรรณ ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง กระชับช่องคลอด รักษาโรคพาร์กินสัน แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย
  • รากหมามุ้ย ใช้ถอนพิษ แก้ไอ

โทษของหมามุ่ย

สำหรับการใช้ประโยชน์หมามุ่ย มีข้อควรระวังในการบริโภคหมามุ่ย ดังนี้

  • เมล็ดหมามุ่ยสดๆ มีความเป็นพิษ มีฤิทธิ์ต่อระบบประสาท ทำให้ประสาทหลอน หากไม่นำมาคั่วให้สุกก่อนจะเป็นพิษ
  • หมามุ่ยต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสม
  • สตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยด้านจิตเวช และ ผู้ป่วยโรคความดัน ไม่ควรรับประทานหมามุ่ย
  • ขนฝักของหมามุ่ยมีพิษ ทำให้คัน ระคายเคืองผิวพรรณ
  • สำหรับคนที่แพ้พืชตระกูลถั่ว ไม่ควรกินหมามุ่ย เพราะ อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้

หมามุ้ย หมามุ่ย คือ พืชล้มลุก สมุนไพรพื้นบ้าน ลักษณะของต้นหมามุ่ย ประโยชน์และสรรพคุณของหมาหมุ่ย เช่น ช่วยกระตุ้นประสาท บำรุงกำลัง เพิ่มสมรรถภาพ โทษของหมาหมุ่ย มีอะไรบ้าง หมามุ้ยใช้ประโยชน์อย่างไร

ถุงกระสอบ ถุงล้อลาก ถุงสายรุ้ง ถุงการ์ตูน
ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove

สมุนไพรน่ารู้

คนทั่วไปมักเข้าใจว่าสมุนไพร คือ พืชที่สามารถนำมาทำเป็นยาเท่านั้น แต่จริงๆแล้ว สมุนไพรนั้นหมายรวมถึง สัตว์ หรือ แร่ธาตุจากธรรมชาติด้วย เราได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับสมุนไพรไทยที่สามารถใช้รักษาโรคและบำรุงร่างกาย เพื่อประโยชน์กับทุกคน
ดอกคำฝอย สมุนไพร สรรพคุณของคำฝอย
ดอกคำฝอย
ว่านชักมดลูก สมุนไพร
ว่านชักมดลูก
โด่ไม่รู้ล้ม สมุนไพร สรรพคุณของโด่ไม่รู้ล้ม
ว่านโด่ไม่รู้ล้ม
หมามุ่ย สมุนไพร สรรพคุณหมามุ่ย
หมามุ่ย