ตำลึง นิยมนำมาทำอาหารรับประทาน สมุนไพรพื้นบ้าน ต้นตำลึงเป็นอย่างไร คุณค่าทางโภชนาการของตำลึง สรรพคุณของตำลึง เช่น บำรุงสายตา บำรุงเลือด โทษของตำลึง มีอะไรบ้าง

ตำลึง สมุนไพร สมุนไพรไทย

ต้นตำลึง ( Ivy gourd ) ชื่อวิทยาศาสตร์ของตำลึง คือ Coccinia grandis (L.) Voigt ชื่อเรียกอื่นๆของตำลึง เช่น สี่บาท , ผักแคบ , ผักตำนิน , แคเด๊าะ เป็นต้น ต้นตำลึง เป็นพืชตระกูลแตง สำหรับอาหารไทย นิยมนำตำลึงมาทำอาหาร หลายเมนู เช่น แกงจืดผักตำลึง แกงเผ็ด แกงคั่ว แกงเขียวหวาน เป็นต้น

ลักษณะของต้นตำลึง

ต้นตำลึง จัดเป็นพืชล้มลุก ไม้เลื้อย ต้นตำลึงจะทอดยาวเกาะตามเสา รั้วบ้าน เกาะตามหลัก ต้นไม้ เป็นต้น สามารถขยายพันธ์โดยใช้เมล็ดพันธ์ หรือ การปักชำ ลัก ษณะของต้นตำลึง มีดังนี้

  • ลำต้นของตำลึง เป็นลักษณะเถาไม้เลื้อย ทอดยาวเกาะตามหลักต่างๆ เปลือกของลำต้นอ่อน มีสีเขียว เปลือกแก่จะมีสีน้ำตาลอ่อน
  • ใบของตำลึง ลักษณะเป็นใบเดี่ยว ใบคลายรูปหัวใจ ใบออกมาตามข้อของลำต้น ใบมีสีเขียวใบอ่อนมีสีเขียวอ่อน ใบแก่ขนาดใหญ่สีเขียวเข้ม
  • ดอกของตำลึง ลักษณะเป็นดอกเดี่ยวหรือดอกคู่ คล้ายรูประฆัง ดอกมีสีขาว
  • ผลของตำลึง คลายแตงกวา มีขนาดเล็ก ผลเป็นทรงรียาว สีเขียวอ่อน ผลแก่มีสีแดง ข้างผลมีเมล็ด สามารถนำไปขยายพันธ์ได้

คุณค่าทางโภชนาการของตำลึง

สำหรับการรับประทานตำลึง นิยมนำใบอ่อนและยอดอ่อนของตำลึง นำมาทำอาหารรับประทาน นักโภชนาการได้ศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของตำลึง มีรายละเอียด ดังนี้

คุณค่าทางโภชนาการของตำลึง ขนาด 100 กรัม  ให้พลังงาน 35 กิโลแคลอรี มีสารอาหารต่างๆ ประกอบด้วย โปรตีน กากใยอาหาร 1 กรัม เบตาแคโรทีน วิตามินเอ 18,608 IU วิตามินบี1 0.17 มิลลิกรัม วิตามินบี2 0.13 มิลลิกรัม วิตามินบี3 1.2 มิลลิกรัม วิตามินซี 34 มิลลิกรัม ธาตุแคลเซียม 126 มิลลิกรัม ธาตุฟอสฟอรัส 30 กรัม และ ธาตุเหล็ก 4.6 มิลลิกรัม สารเคมีสำคัญในตำลึงมีสารเอนไซม์อะไมเลสและเบต้าแคโรทีน ช่วยในการย่อยแป้ง

สรรพคุณของตำลึง

สำหรับประโยชน์ของตำลึงด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค สามารถใช้ประโยชน์ได้จาก ใบตำลึง ลำต้นตำลึง และ รากตำลึง รายละเอียด ดังนี้

  • ใบตำลึง สรรพคุณช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเสื่อมความเซลล์ในร่างกาย ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยป้องกันมะเร็ง ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันโรคโลหิตจาง บำรุงหัวใจ บำรุงกระดูกและฟัน บำรุงสายตา บำรุงเลือด บำรุงน้ำนมแม่ ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ช่วยดับพิษร้อน ลดความร้อนในร่างกาย  แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ขับพิษในลำไส้ แก้ท้องผูก ช่วยแก้ผดผื่นคัน รักษาพิษแมลงสัตว์กัดต่อย รักษาฝี รักษาแผลอักเสบ ป้องกันตะคริว
  • รากตำลึง สรรพคุณช่วยลดไข้  แก้อาเจียน บำรุงสายตา เป็นยาระบาย แก้อักเสบ รักษาแผลอักเสบ
  • ลำต้นตำลึง สรรพคุณแก้อาการวิงเวียนศีรษะ แก้อาการตาแดง ลดอาการตาช้ำ
  • ดอกตำลึง สรรพคุณแก้ผดผื่นคัน
  • เมล็ดตำลึง สรรพคุณแก้หิด

โทษของตำลึง

  • ตำลึงมีสรรพคุณเป็นยาเย็น หากนำน้ำตำลึงมาทาที่ผิวหนังแล้วไม่รู้สึกเย็น แปลว่า ไม่ถูกโรค ให้หยุดใช้ทันที เพราะ จะทำให้เกิดอาการอักเสบเพิ่มมากขึ้น
  • ตำลึง มีทั้ง ตำลึงตัวผู้ และ ตำลึงตัวเมีย ตำลึงตัวเมีย กินได้ไม่มีปัญหา ตำลึงตัวผู้ สำหรับคนที่ธาตุอ่อน อาจทำให้ท้องเสียได้

 

ตำลึง ผักพืนบ้าน นิยมนำมาทำอาหารรับประทาน สมุนไพรพื้นบ้าน ลักษณะของต้นตำลึงเป็นอย่างไร คุณค่าทางโภชนาการของตำลึง สรรพคุณของตำลึง เช่น บำรุงสายตา บำรุงเลือด โทษของตำลึง มีอะไรบ้าง

มะรุม สมุนไพรพื้นบ้าน ประโยชน์หลากหลาย ลักษณะของต้นมะรุม ประโยชน์และสรรพคุณของมะรุม เช่น บำรุงผิวพรรณ ลดไขมันและคอเรสเตอรัล คุณค่าทางโภชนาการโทษของมะรุม

มะรุม สมุนไพร สมุนไพรไทย

ต้นมะรุม ( Moringa ) ชื่อวิทยาศาสตร์ของมะรุม คือ Moringa oleifera Lam. ชื่อเรียกอื่นๆของมะรุม เช่น บะค้อนก้อม ผักอีฮุม บักฮุ้ม เป็นต้น มะรุม จัดเป็นผักพื้นบ้าน มีประโยชน์มากมาย ทั้งด้านอาหาร ยา และ อุตสาหกรรม มะรุมเป็นไม้ยืน โตเร็ว ทนแล้ง ปลูกง่ายในเขตร้อน

มะรุม มีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชีย เช่น ประเทศศรีลังกา ประเทศอินเดีย และ ในทวีปแอฟริกา ต้นมะรุมปลูกได้ง่าย เจริญเติบโตดีในดินทุกๆประเภท สามารถขยายพันธุ์โดยการเพาะการเมล็ดพันธ์ และ วิธีการปักชำ

ลักษณะต้นมะรุม

ต้นมะรุม เป็นไม้ยืนต้น ที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีในประเทศเขตร้อน โตเร็ว ทนแล้ง สามารถขยายพันธ์โดยการเพาะเมล็ดพันธ์ และ การปักชำ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นมะรุม มีดังนี้

  • ลำต้นของมะรุม ลักษณะลำต้นตั้งตรง มีกิ่งก้านเป็นพุ่ม ลักษณะโปร่ง เปลือกของลำต้นมีสีเทา ผิวเปลือกเรียบ บาง ความสูงประมาณ 15 เมตร
  • ใบมะรุม เป็นในเดี่ยว ลักษณะใบเป็นทรงรี ปลายใบ และ ฐานใบ มน ใบมีขน ใบแตกออกจากก้าน ออกเรียงสลับกัน
  • ดอกมะรุม ออกเป็นช่อ ดอกมะรุมมีสีขาว ดอกออกตามข้อของกิ่ง ดอกมะรุมแก่ มีสีเหลืองนวล
  • ฝักมะรุม หรือ ผลมะรุม ฝักมะรุมอ่อน มีสีเขียว ฝักแก่จะมีสีน้ำตาล เปลือกหนา ลักษณะเป็นคลื่นนูนตามเมล็ด ภายในฝักมะรุมมีเมล็ด
  • เมล็ดมะรุม ลักษณะรี มีเยื่อหุ้มคล้ายกระดาษแก้วบางๆ ขนาดของเมล็ดประมาณ 1 เซ็นติเมตร

คุณค่าทางอาหารของมะรุม

สำหรับการบริโภคมะุรุม นั้นนิยมบริโภคส่วนใบและฝักของมะรุม โดยนักโภชนาการได้ศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของใบมะรุมและฝักมะรุม มีรายละเอียด ดังนี้

คุณค่าทางโภชนาการของใบมะรุม ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 26 แคลอรี่ มีสารอาหารสำคัญ ประกอบด้วย โปรตีน 6.7 กรัม กากใยอาหาร 0.1 กรัม ไขมัน 4.8 กรัม คาร์โบไฮเดรต 3.7 กรัม วิตามินเอ 6,780 μg. วิตามินซี 220 มิลลิกรัม แคโรทีน 110 μg. แคลเซียม 400 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 110 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 0.18 มิลลิกรัม แมกนีเซียม 28 มิลลิกรัม และ โพแทสเซียม 259 มิลลิกรัม

คุณค่าทางโภชนาการของฝักมะรุม ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 37 กิโลแคลอรี่ มีสารอาหารสำคัญประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต 8.53 กรัม กากใยอาหาร 3.2 กรัม ไขมัน 0.20 กรัม โปรตีน 2.10 กรัม น้ำ 88.20 กรัม วิตามินเอ 4 ไมโครกรัม วิตามินบี1 0.0530 มิลลิกรัม วิตามินบี2 0.074 มิลลิกรัม วิตามินบี3 0.620 มิลลิกรัม วิตามินบี5 0.794 มิลลิกรัม วิตามินบี6 0.120 มิลลิกรัม วิตามินบี9 44 ไมโครกรัม วิตามินซี 141 มิลลิกรัม ธาตุแคลเซียม 30 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 0.36 มิลลิกรัม ธาตุแมกนีเซียม 45 มิลลิกรัม ธาตุแมงกานีส 0.259 มิลลิกรัม ธาตุฟอสฟอรัส 50 มิลลิกรัม ธาตุโพแทสเซียม 461 มิลลิกรัม ธาตุโซเดียม 42 มิลลิกรัม และ ธาตุสังกะสี 0.45 มิลลิกรัม

สรรพคุณของมะรุม

สำหรับการใช้ประโยชน์จากมะรุม ในด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค นั้น สามารุใช้ประโยชน์จากมะรุม มากมาย เช่น ใบมะรุม ฝักมะรุม เมล็ดมะรุม ยางจากต้นมะรุม รากมะรุม เปลือกมะรุม ดอกมะรุม โดยรายละเอียด มีดังนี้

  • ใบมะรุม สรรพคุณรักษาไข้ รักษาเลือดออกตามไรฟัน ลดอาการอักเสบ รักษาแผล ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ขับปัสสาวะ ป้องกันมะเร็ง ลดความดันโลหิต บำรุงผิวพรรณ แก้ปวดหัว รักษาแผลสด
  • ยอดอ่อน ใช้ถอนพิษไข้
  • ดอกมะรุม สรรพคุณบำรุงร่างกาย ขับปัสสาวะ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ป้องกันมะเร็ง บำรุงดวงตา บำรุงสายตา
  • ฝักมะรุม สรรพคุณลดไขมันในเส้นเลือด ลดคอเรสเตอรัลในร่างกาย แก้ไข้ ป้องกันมะเร็ง ลดความดันโลหิต
  • เมล็ดของมะรุม สรรพคุณช่วยขับลมในลำไส้ เป็นยาลดไข้ แก้บวม แก้ปวดตามข้อ ป้องกันมะเร็ง แก้ไอ
  • รากมะรุม สรรพคุณบำรุงหัวใจ ทำให้ร่างกายอบอุ่น แก้อาการบวม รักษาโรคไขข้อ
  • เปลือกลำต้น สรรพคุณช่วยขับลมในลำไส้ ช่วยย่อยอาหาร ป้องกันมะเร็ง
  • ยางมะรุม สรรพคุณรักษาโรคหอบหืด แก้ปวดฟัน แก้ปวดหู ฆ่าเชื้อไทฟอยด์ รักษาซิฟิลิส
  • น้ำมันมะรุม สรรพคุณช่วยละลอวัย มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผม รักษาผมร่วง รักษาเชื้อราบนหนังศรีษะ แก้ปวดหัว รักษาสิว รักษาจุดด่างดำบนใบหน้า ฆ่าพยาทในหู รักษาหูน้ำหนวก รักษาเยื่อบุหูอักเสบ รักษาอาการคันตามผิวหนัง รักษาแผลสด รักษาพิษแมลงสัตว์กัดต่อย

โทษของมะรุม

สำหรับมะรุม นั้นการรับประทานมะรุมให้ปลอดภัย ต้องรับประทานมะรุมหรือใช้อย่างถูกวิธีในปริมาณที่เหมาะสม โดยข้อควรระวังในการบริโภคและการใช้ประโยยชน์จากมะรุม มีดังนี้

  • สตรีกำลังตั้งครรภ์ จากงานวิจัยบางชิ้น ระบุว่าการรับประทานมะรุมในช่วงนี้ อาจทำให้คุณแม่ผลิตน้ำนมออกมามากกว่าปรกติ จึงไม่ควรรับประทานมะรุม หากกำลังตั้งครรภ์ หรือ อยู่ในช่วงให้นมบุตร
  • ใบมะรุม ควรรับประทานใบสดๆ รับประทานใบที่ไม่แก่หรืออ่อนเกินไป และ ไม่ควรให้ใบมะรุมถูกความร้อนนานเกินไป การใช้ใบมะรุม มาทำอาหารไม่ควรให้เด็กทารก หรือ เด็กวัยไม่เกิน 2 ขวบ รับประทานในปริมาณที่มากเกินไป เพราะ อาจจะทำให้ท้องเสียได้
  • สตรีมีครรภ์ ไม่ควรรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป เพราะ อาจจะทำให้แท้งบุตรได้
  • ผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคเลือด ไม่ควรรับประทานมะรุม เพราะ อาจทำให้เม็ดเลือดแตกง่าย
  • เปลือกของลำต้นมะรุม มีสรรพคุณช่วยคุมกำเนิด สำหรับคนที่มีบุตรยาก หรือ ต้องการมีบุตร ไม่ควรกินมะรุม
ถุงกระสอบ ถุงล้อลาก ถุงสายรุ้ง ถุงการ์ตูน
ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove

สมุนไพรน่ารู้

คนทั่วไปมักเข้าใจว่าสมุนไพร คือ พืชที่สามารถนำมาทำเป็นยาเท่านั้น แต่จริงๆแล้ว สมุนไพรนั้นหมายรวมถึง สัตว์ หรือ แร่ธาตุจากธรรมชาติด้วย เราได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับสมุนไพรไทยที่สามารถใช้รักษาโรคและบำรุงร่างกาย เพื่อประโยชน์กับทุกคน
ดอกคำฝอย สมุนไพร สรรพคุณของคำฝอย
ดอกคำฝอย
ว่านชักมดลูก สมุนไพร
ว่านชักมดลูก
โด่ไม่รู้ล้ม สมุนไพร สรรพคุณของโด่ไม่รู้ล้ม
ว่านโด่ไม่รู้ล้ม
หมามุ่ย สมุนไพร สรรพคุณหมามุ่ย
หมามุ่ย