หนองใน Gonorrhea ติดเชื้อเชื้อแบคทีเรีย Neisseria gonorrhoeae มีหนองในอวัยวะสืบพันธ์ คันช่องคลอด ช่องคลอดเหม็น ฉี่แล้วแสบ ปัสสาวะขัด รักษาโรคนี้อย่างไร

หนองใน โกโนเรีย โรคติดต่อ

หนองใน หรือ โกโนเรีย ภาษาอังกฤษ เรียก Gonorrhea เป็นภาวะการติดเชื้อแบคทีเรีย Neisseria gonorrhoeae มักเป็นภาวะการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้มีเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย โรคนี้จะแสดงอาการผิดปรกติที่จุดซ่อนเร้น เช่น ปากมดลูก มดลูก ปีกมดลูก ช่องคลอด ท้อปัสสาวะ ทวารหนัก อวัยะเพศรวมถึงเนื้อเยื่ออ่อนของร่างกาย เช่น เยื่อบุตา เยื่อลำคอ เยื่อบุช่องปาก พบมากในกลุ่มรักร่วมเพศ กลุ่มคนที่ชอบเปลี่ยนคู่นอน กลุ่มคนที่ชอบซื้อบริการทางเพศ หากผู้ป่วยมีภาวะตั้งครรภ์สามารถถ่ายทอดเชื้อโรคสู่ลูกได้

โรคหนองในกับประเทศไทย

รายงานจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในปี พ.ศ. 2551 พบว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคหนองในจำนวน 6,168 ราย คิดเป็นร้อยละ 15.43 ของผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คิดเป็นร้อยละ 9.76 ต่อประชากร 100,000 คน ซึ่งปัจจุบันโรคนี้ลดลงมากเนื่องจากมีการรณรงค์ให้ใช้ถุงยางอนามัยกันมากขึ้น

ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคหนองใน

กิจกรรมที่ทำให้ติดเชื้อหนองใน คือ การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อหนองในโดยไม่ใช้ถุงยางป้องกัน หรือ สัมผัสเนื้อเยื่อของผู้ติดเชื้อเช่น ทางช่องปาก ทางทวารหนัก มารดาสามารถถ่ายทอดสู่ทารกได้

กิจกรรมที่ไม่ทำให้ติดเชื้อหนองใน เช่น การสัมผัสมือ การกอด การใช้แก้วร่วมกัน การใช้จานชามร่วมกัน การใช้ห้องน้ำร่วมกัน การใช้ผ้าเช็ดตัวร่วมกัน การนั่งฝาโถส้วมเดียวกัน การใช้สระว่ายน้ำร่วมกัน

สาเหตุการเกิดโรคหนองใน

ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหนองใน คือ การสัมผัสเชื้อโรคของผู้ทีีมีเชื้อโรค ซึ่งผู้ป่วยหลายคนมักไม่รู้ว่าตนเองเป็นโรคการป้องกันโรคหากไม่ป้องกันจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย สามารถสรุปสาเหตุของการเกิดโรคได้ดังนี้

  • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า โดยไม่ป้องกันโรค ไม่ใช้ถุงยางอนามัย
  • ผู้ที่มีรสนิยมทางเพศแบบหมู่ สวิงกิ้ง เปลี่ยนคู่นอนบ่อย
  • ผู้ที่ไม่ได้รับการศึกษา เรื่องเพศศึกษา สุขศึกษา

อาการของโรคหนองใน

สำหรับโรคหนองในมีระยะฟักตัวของโรคหลังจากได้รับเชื้อมักจะแสดงอาการภายใน 2-10 วัน โดยทั่วไปแล้วมักจะแสดงอาการภายใน 5 วัน ซึ่งอาการของโรคจะแตกต่างกัน ทั้ง ชาย หญิง และ ลักษณะอาการที่แสดงทั้งสองเพศ ซึ่งลักษณะอาการของโรค มีดังนี้

  • อาการหนองในสำหรับเพศชาย จะมีอาการแสบเวลาปัสสาวะ ปัสสาวะขัด มีหนองไหลออกมาจากท่อปัสสาวะ ระยะแรกๆอาจมีมูกใสๆ เล็กน้อย ต่อมามูกใสๆจะกลายเป็นหนองสีเหลืองข้น บางรายมีอาการปวดและบวมที่อัณฑะ การอักเสบบริเวณหนังหุ้มปลายองคชาต
  • อาการหนองในสำหรับเพศหญิง จะมีอาการตกขาวผิดปกติ ลักษณะเป็นหนองสีเหลืองหรือสีเขียว มีกลิ่นเหม็น มีอาการแสบเวลาปัสสาวะ ปัสสาวะขุ่น ปวดท้องน้อย เลือดออกกะปริดกะปรอยในระหว่างมีรอบเดือน มีการอักเสบของมดลูก มีไข้สูง หนาวสั่น ปวด เจ็บตรงท้องน้อย
  • อาการทั่วไปของโรคหนองใน เป็นอาการที่แสดงในทุกเพศที่มีภาวะติดเชื้อหนองใน คือ มีอาการเจ็บคอ มีไข้ ปวดหน่วง น้ำหนองออกมาเวลาปัสสาวะ อาจติดเชื้อที่เยื่อบุตา ระคายเคืองตา มีหนองไหลออกจากตา อาจมีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบบวม และเจ็บ

โรคหนองในจำเป็นต้องได้รับการรักษา หากปล่อยไว้ไม่รักษา อาจทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด ทำให้เสียชีวิตได้

ภาวะแทรกซ้อนของโรคหนองใน

โรคหนองในนอกจากการรักษาภาวะการเกิดโรคแล้ว หากปล่อยไว้ไม่รักษาหรือรักษาช้าเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายต่อชีวิตได้ ซึ่งภาวะแทรกซ้อนแบ่งได้ตามการแสดงอาการของเพศต่างๆ ดังนี้

  • ภาวะแทรกซ้อนในเพศชาย เชื้อหนองในอาจลุกลามเข้าไปยังบริเวณใกล้เคียง ทำให้ท่อปัสสาวะอักเสบ ท่อปัสสาวะตีบตัน อาจทำให้ต่อมลูกหมากอักเสบ เป็นฝีที่ผนังของท่อปัสสาวะ ทำให้มีบุตรได้ยากหรือกลายเป็นหมันได้
  • ภาวะแทรกซ็อนในเพศหญิง เชื้อหนองในอาจลุกลามทำให้ต่อมบาร์โทลิน ( Bartholine’s gland ) ทำให้เยื่อบุมดลูกอักเสบ  ปีกมดลูกอักเสบ ท่อรังไข่ตีบตันกลายเป็นหมัน ทำให้เกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูกได้
  • สำหรับอาการแทรกซ้อนที่สามารถเกิดได้ทั้งสองเพศ คือ เชื้อโรคอาจเข้าสู่กระแสเลือดที่ข้อกระดูก ทำให้เป็นโรคข้ออักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เยื่อบุหัวใจอักเสบ ทำให้ลิ้นหัวใจรั่ว และ หัวใจวาย

การรักษาโรคหนองใน

แนวทางการรักษาโรคหนองในในปัจจุบัน สามารถรักษาด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ ซึ่งผลการรักษาค่อนข้างได้ผลดี พบว่ามากกว่าร้อยละ 95 สามารถรักษาให้หายได้ แต่ควรรับการรักษาเร็วที่สุด เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนต่างๆที่จะตามมา ภายหลังการรักษาหากพบว่ามีอาหารอยู่ควรรีบพบแพทย์อีกครั้ง

นอกจากการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะและ ต้องปรับพฤติกรรมการดำรงชีวิต ปรับพฤติกรรมทางเพศ การรักษาความสะอาด การไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย การใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง และ หยุดกิจกรรมทางเพศทุกชนิดจนกว่าจะหายดี

การป้องกันโรคหนองใน

สำหรับแนวทางการป้องกันการติดเชื้อโรคหนองในมีแนวทางการปฏิบัติ ดังนี้

  • ผู้ที่ป่วยโรคนี้ ไม่แพร่เชื้อ หยุดกิจกรรมทางเพศทั้งหมด จนแน่ใจว่าหายดี
  • ไม่เปลี่ยนคู่นอน ควรมีแค่คู่เดียว
  • หากเกิดอาการ แสบ ปัสสาวะขัด มีผื่นแดงที่อวัยวะเพศ ให้หยุดกิจกรรมทางเพศก่อน รีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษา จนกว่าจะหายขาด
  • หากิจกรรมยามว่าง เพื่อไม่ให้หมกมุ่นเรื่องเพศมากจนเกินไป

มะเร็งปากมดลูก สตรีอายุ 45 ปีขึ้นไปเสี่ยงต่อโรค ควรตรวจคัดกรอง มักเกิดจากติดเชื้อไวรัส HPV อาการตกขาวผิดปรกติ ตกขาวมีหนองปน ตกขาวมีเลือดปน เจ็บตอนมีเพศสัมพันธ์มะเร็งปากมดลูก โรคมะเร็ง โรคของสตรี

มะเร็งปากมดลูก ( Cervical cancer ) คือ มะเร็งที่เกิดบริเวณปากมดลูกของสตรี โดยลักษณะของอาการ ตกขาวคล้ายหนอง มีเลือดออกจากช่องคลอดผิดปกติ มีเลือดหลังมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่มีอาการป่วย มะเร็งชนิดนี้มักเกิดกับสตรีอายุ 45 ปีขึ้นไป สตรีอายุ 25 – 49 ปี ควรรับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทุก 3 ปี สำหรับสตรีอายุ 50 ปีขึ้นไป ควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทุกๆ 5 ปี

สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก

สำหรับสาเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูก ส่วนมากเกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV ( Human Papilloma virus ) จากการมีเพศสัมพันธ์  แต่นอกจากนั้นยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูก มีดังนี้

  • กรรมพันธุ์
  • การมีลูกหลายคน
  • การขาดสารอาหาร
  • การกินยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน
  • การสูบบุหรี่
  • โรคเอดส์
  • พฤติกรรมการชอบเปลี่ยนคู่นอน และ การมีเพศสัมพันธุ์ตั้งแต่เด็ก

อาการโรคมะเร็งปากมดลูก

สำหรับอาการของผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูก จะแสดงอาการที่ท้องน้อย และ อวัยวะเพศ ลักษณะการตกขาวผิดปรกติ อาการเจ็บปวดต่างๆที่บริเวณท้องน้อยและอวัยวะเพศ ซึ่งสัญญาณเตือนของอาการต่างๆมักจะเกิดขึ้นเมื่อมะเร็งเริ่มเข้าสู่ระยะลุกลามแล้ว สามารถสรุปลักษณะอาการของโรค ได้ดังนี้

  • มีเลือดออกจากช่องคลอดทั้งๆที่ไม่ได้เป็นประจำเดือน
  • มีประจำเดือนนานผิดปกติ
  • ตกขาวมากผิดปกติ ตกขาวมีกลิ่นเหม็น
  • เจ็บเวลามีเพศสัมพันธุ์
  • ปวดหลัง และ ปวดก้นกก
  • ปัสสาวะผิดปกติ

ระยะของโรคมะเร็งปากมดลูก

สำหรับระยะของการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก มี 4 ระยะเหมือนโรคมะเร็งอื่นๆ ซึ่งความรุนแรงของอาการจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยรายละเอียดดังนี้

  • โรคมะเร็งปากมดลูก ระยะแรก ซึ่งระยะนี้ไม่พบคามผิดปกติอย่างชัดเจน พบเซลล์มะเร็งบริเวณปากมดลูก และ ยังไม่ลุกลาม
  • โรคมะเร็งปากมดลูก ระยะที่2 ในระยะนี้เซลล์มะเร็งเริ่มลุกลามจากปากมดลูกไปยังช่องคลอด
  • โรคมะเร็งปากมดลูก ระยะที่3 ในระยะนี้เซลล์มะเร็งลุกลามเข้าสู่ผนังอุ้งเชิงกราน ไททับท่อไตส่งผลต่อการทำงานของไต
  • โรคมะเร็งปากมดลูก ระยะสุดท้าย เซลล์มะเร็งลุกลามไปอวัยวะต่างๆ เช่น กระเพาะปัสสาวะ ลำไส้ใหญ่ ตับ ปอด สมอง เข้าสู่ระบบน้ำเหลือง และ เลือด เป็นระยะอันตราย

การวินิจฉัยโรคมะเร็งปากมดลูก

สำหรับโรคมะเร็งปากมดลูกสามารถตรวจคัดกรองโรคได้ โดยการตรวจแป๊ปสเมียร์ (Pap smear) ปีละ 1 ครั้ง โดยการป้ายเซลล์จากปากมดลุกแล้วนำมาป้ายลงกระจก สามารถตรวจพบความผิดปกติได้ 50-60% หากต้องสงสัยจะมีการตัดชิ้นเนื้อเพื่อนำไปตรวจทางพยาธิวิทยา

การรักษาโรคมะเร็งปากมดลูก

สำหรับแนวทางการรักษาโรคสามารถใช้การผ่าตัด การรักษาด้วยการฉายรังสี และ การรักษาด้วยเคมีบำบัด ซึ่งการรักษาอยู่ในดุลย์พินิจของแพทย์ขึ้นอยู่กับระยะของโรคและอาการป่วย ผู้ป่วยมะเร็งระยะแรกจะใช้วิธีการรักษาเป็นการผ่าตัดร่วมกับการใช้ยาเคมีบำบัด ส่วนผู้ป่วยที่มีการลุกลามของมะเร็งที่มากขึ้นมักใช้วิธีการฉายแสงรังสีรักษาร่วมกับการใช้ยาเคมีบำบัด มีรายละเอียด ดังนี้

  • การผ่าตัด เป็นการผ่าตัดบางส่วนของปากมดลูก ผ่าตัดแบบ Cone Biopsy และ Laser Therapy
  • การฉายรังสีรักษา (Radiotherapy)
  • เคมีบำบัด (Chemotherapy)

การป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก 

สำหรับแนวทางการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก เนื่องจากสาเหตุส่วนใหญ่ของโรคจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี เป็นไวรัสจากการมีเพศสัมพันธ์ การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จึงเป็นแนวทางที่ดีที่สุด แนวทางการป้องกันโรค มีดังนี้

  • รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำ และ เข้ารับวัคซีนเอชพีวี
  • ไม่มีเพศสัมพันธ์อย่างไม่ปลอดภัย ไม่เปลี่ยนคู่นอนหลายคู่
  • ป้องกันทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ เช่น ใช้ถุงยางอนามัย
  • ไม่ควรมีเพศสัมพันธุ์ก่อนวัยอันควร

โรคมะเร็งปากมดลูก โรคของสตรีอายุ 45 ปีขึ้นไป ควรตรวจคัดกรอง มักเกิดจากติดเชื้อไวรัส HPV อาการตกขาวผิดปรกติ ตกขาวมีหนองปน ตกขาวมีเลือดปน เจ็บตอนมีเพศสัมพันธ์ สัญญานเตือนการเกิดโรค การรักษาและแนวทางป้องกันทำอย่างไร

ถุงกระสอบ ถุงล้อลาก ถุงสายรุ้ง ถุงการ์ตูน
ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove

สมุนไพรน่ารู้

คนทั่วไปมักเข้าใจว่าสมุนไพร คือ พืชที่สามารถนำมาทำเป็นยาเท่านั้น แต่จริงๆแล้ว สมุนไพรนั้นหมายรวมถึง สัตว์ หรือ แร่ธาตุจากธรรมชาติด้วย เราได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับสมุนไพรไทยที่สามารถใช้รักษาโรคและบำรุงร่างกาย เพื่อประโยชน์กับทุกคน
ดอกคำฝอย สมุนไพร สรรพคุณของคำฝอย
ดอกคำฝอย
ว่านชักมดลูก สมุนไพร
ว่านชักมดลูก
โด่ไม่รู้ล้ม สมุนไพร สรรพคุณของโด่ไม่รู้ล้ม
ว่านโด่ไม่รู้ล้ม
หมามุ่ย สมุนไพร สรรพคุณหมามุ่ย
หมามุ่ย