ผักบุ้ง นิยมนำมาทำเป็นอาหารรับประทาน ต้นผักบุ้งเป็นอย่างไร คุณค่าทางโภชนาการของผักบุ้ง สรรพคุณบำรุงสายตา มีกากใยอาหาร ช่วยการขับถ่าย โทษของผักบุ้ง มีอะไรบ้างผักบุ้ง สมุนไพร สมุนไพรไทย

ต้นผักบุ้ง ( Swamp morning glory ) ชื่อวิทยาศาสตร์ของผักบุ้ง คือ Ipomoea aquatica Forssk. ชื่อเรียกอื่นๆของผักบุ้ง เช่น ผักทอดยอด ผักบุ้งไทย ผักบุ้งแดง ผักบุ้งน้ำ ผักบุ้งนา กำจร เป็นต้น สำหรับอาหารไทย นิยมนำผักบุ้งมาประกอบอาหาร หลายเมนูอาหาร เช่น ผัดผักบุ้งไฟแดง สุกี้ แกงส้ม แกงเทโพ เป็นต้น

ผักบุ้งในประเทศไทย

สำหรับประเทศไทย นั้น นิยมรับประทานผักบุ้งเป็นอาหาร มีเมนูอาหารหลากหลายเมนูอาหาร ที่มีผักบุ้งเป็นส่วนประกอบ รวมถึงการรับประทานผักบุ้งเป็นผักสด ผักบุ้ง จึงจัดเป็นพืชเศรษฐกิจ มีการปลูกผักบุ้งเชิงพาณิชย์ เพื่อบริโภคภายในประเทศ แหล่งปลูกผักบุ้ง จะกระจายอยู่ทั่วประเทศ สำหรับสายพันธ์ผักบุ้ง ที่นิยมนำมาประกอบอาหาร มีผักบุ้ง 3 สายพันธุ์ คือ ผักบุ้งไทย ผักบุ้งนา และ ผักบุ้งจีน โดยรายละเอียดของสายพันธ์ผักบุ้ง ที่ควรรู้จักจะกล่าวในเนื้อหาถัดไป

สายพันธุ์ผักบุ้ง

สำหรับผักบุ้ง มีหลายสายพันธ์ุ แต่ มี 3 สายพันธ์ุ ที่นิยมปลูกและรับประทานในประเทศไทย มี 3 สายพันธุ์ คือ ผักบุ้งไทย ผักบุ้งจีน และ ผักบุ้งน้ำ รายละเอียดแต่ละสายพันธุ์ มีดังนี้

  • ผักบุ้งไทย หรือเรียกอีกชื่อว่า ผักบุ้งน้ำ เป็นผักบุ้งที่ขึ้นตามแหล่งน้ำ ใบยาว เรียว ลำต้นมีขนาดเล็ก นิยมนำมาทำอาหารไทย เช่น ผัดผักบุ้งไฟแดง
  • ผักบุ้งจีน คือ ผักบุ้งที่มีขนาดของใบและลำต้นใหญ่ ปลูกบนดิน เป็นผักบุ้งที่นิยมปลูกเพื่อการค้า
  • ผักบุ้งนา คือ ผักบุ้งพันธุ์พื้นบ้าน ลำต้นเล็ก มีสีเขียวบนแดง หรือ สีแดงน้ำตาล นิยมนำมากินเป็นผักสด แนมกับอาหารต่างๆ เช่น ลาบ ส้มตำ เป็นต้น

ลักษณะของต้นผักบุ้ง

สำหรับผักบุ้งนั้น จัดอยู่ในพืชล้มลุก ลำต้นอวบน้ำ สามารถขึ้นในน้ำและดินได้ สำหรับการขยายพันธ์ผักบุ้ง สามารถขยายพันธ์ โดยการ ปักชำ และ การเพาะเมล็ดพันธุ์ ลักษณะของต้นผักบุ้ง มีดังนี้

  • ลำต้นผักบุ้ง เป็นลักษณะปล้องๆ กลม เนื้อลำต้นอ่อน อวบน้ำ มีสีเขียว ภายในลำต้นกลวง และ มีรากออกตามปล้องของลำต้น
  • ใบผักบุ้ง เป็นใบเดี่ยว ลักษณะคล้ายสามเหลี่ยม มีสีเขียว ใบจะออกมาจากปล้องของลำต้น
  • ดอกผักบุ้ง ดอกออกเป็นช่อ ลักษณะคล้ายรูประฆัง สีขาวหรือม่วงอ่อน ดอกผักบุ้งออกได้ตลอดปี
  • เมล็ดของผักบุ้ง เมล็ดผักบุ้งพัฒนามาจากดอกผักบุ้ง ลักษณะกลมรี สีน้ำตาลเข้ม เมล็ดสามารถนำไปขยายพันธ์ต่อได้

คุณค่าทางโภชนาการของผักบุ้ง

สำหรับการบริโภคผักบุ้งนั้น นิยมบริโภคผักบุ้งทั้งสด หรือ นำมาลวก ผ่านความร้อน ซึ่งบริโภคทั้งต้นทุกส่วนของผักบุ้ง ยกเว้นรากของผักบุ้ง นักโภชนาการได้ศึกษาคุณค่าทางโภชนากการของผักบุ้ง มีรายละเอียด ดังนี้

คุณค่าทางโภชนาการของผักบุ้ง ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงานถึง 19 กิโลแคลอรี มีสารอาหารสำคัญประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต 3.14 กรัม กากใยอาหาร 2.1 กรัม ไขมัน 0.2 กรัม โปรตีน 2.6 กรัม วิตามินเอ 315 ไมโครกรัม วิตามินบี1 0.03 มิลลิกรัม วิตามินบี2 0.1 มิลลิกรัม วิตามินบี3 0.9 มิลลิกรัม วิตามินบี5 0.141 มิลลิกรัม วิตามินบี6 0.096 มิลลิกรัม วิตามินบี9 57 ไมโครกรัม วิตามินซี 55 มิลลิกรัม ธาตุแคลเซียม 77 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 1.67 มิลลิกรัม ธาตุแมกนีเซียม 71 มิลลิกรัม ธาตุแมงกานีส 0.16 มิลลิกรัม ธาตุฟอสฟอรัส 39 มิลลิกรัม ธาตุโพแทสเซียม 312 มิลลิกรัม ธาตุโซเดียม 113 มิลลิกรัม และ ธาตุสังกะสี 0.18 มิลลิกรัม

สรรพคุณของของผักบุ้ง

สำหรับการใช้ประโยชน์จากผักบุ้ง ด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค สามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วนของผักบุ้ง ตั้งแต่ รากผักบุ้ง ดอกผักบุ้ง ใบผักบุ้ง หรือ ทั้งต้นของผักบุ้ง โดย สรรพคุณของผักบุ้ง มีดังนี้

  • ดอกผักบุ้ง สรรพคุณใช้รักษากลากเกลื้อน รักษาแผลไฟไหม้ รักษาแผลน้ำร้อนลวก ลดอาการแพ้ แก้อักเสบ แก้ปวด ลดอาการบวม บำรุงสายตา บำรุงเลือด บำรุงกระดูกและฟัน ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ดับร้อน แก้ปัสสาวะเหลือง
  • รากผักบุ้ง สรรพคุณแก้ไอ รักษาโรคหืด รักษาอาการตกขาว ช่วยขับเหงื่อ ลดอาการบวม
  • ใบผักบุ้ง สรรพคุณใช้ถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ทำให้อาเจียน ใช้ถอนพิษยาเบื่อ ป้องกันมะเร็ง เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
  • ทั้งต้นของผักบุ้ง สรรพคุณช่วยบำรุงผิวพรรณ บำรุงสายตา ช่วยชะลอวัย ป้องกันมะเร้ง แก้ร้อนใน ช่วยคลายร้อน บำรุงระบบประสาท ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด แก้อาการปวดหัว แก้อาการอ่อนเพลีย ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน รักษาแผลร้อนใน รักษาโรคกระเพาะอาหารอักเสบ ป้องกันโรคท้องผูก ช่วยแก้อาการเสื่อมสมรรถภาพ ช่วยขับปัสสาวะ รักษาหนองใน ช่วยเจริญอาหาร ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย แก้อาการฟกช้ำ ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย

โทษของผักบุ้ง

สำหรับการกินผักบุ้งนั้น มีประโยชน์มากกว่าโทษ แต่การกินผักบุ้งต้องกินอย่างปลอดภัย และ กินในปริมาณที่เหมาะสม สำหรับข้อควรระวังในการบริโภคผักบุ้ง มีดังนี้

  • ผักบุ้งนิยมปลูกเชิงพาณิชย์ ซึ่งในผักบุ้งอาจเจือปนสารเคมี ยาฆ่าแมลงได้ ก่อนนำผักบุ้งมารับประทานต้องทำความสะอาดให้ดีก่อน หากล้างไม่สะอาด อาจทำให้มีสารเคมีตกค้างในร่างกาย และ ทำให้ท้องเสียจากการกินอาหารไม่สะอาด
  • ใบสดของผักบ้ง นำมาคั้นนำสดๆ กลิ่นเหม็นเขียวของผักบุ้ง ทำให้เกิดอาการอาเจียน สำหรับคนที่ไม่ต้องการอาเจียน ให้หลีกเลี้ยงการกินน้ำใบผักบุ้งตั้นสด แต่ การอาเจียน สามารถช่วยรักษาอาการเป็นพิษจากการเบื่ออาหาร หรือ แก้เมาได้

ผักบุ้ง คือ พืชล้มลุกชนิดหนึ่ง นิยมนำมาทำเป็นอาหารรับประทาน ลักษณะของต้นผักบุ้งเป็นอย่างไร คุณค่าทางโภชนาการของผักบุ้ง สรรพคุณของผักบุ้ง เช่น บำรุงสายตา มีกากใยอาหาร ช่วยการขับถ่าย โทษของผักบุ้ง มีอะไรบ้าง

Fongza.com เว็บไซต์ที่ทำเนื้อหาเกี่ยวกับการให้ความรู้ด้านสุขภาพ โดยเราเชื่อว่าสุขภาพที่ดีต้องดีทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ เนื้อหาของเราจึงประกอบด้วย โรคต่างๆ การรักษาโรค สมุนไพร การเลี้ยงลูก แม่และเด็ก การออกกำลังกาย ความสวยความงาม โหงวเฮ้ง และ อาหารสุขภาพ โดยเน้นการให้ความรู้ ไม่ได้มีเจตนาให้คำวินิจฉัยการรักษาโรค การที่ท่านนำเนื้อหาของเราไปใช้ประโยชน์ให้ปรึกษาผู้เชียวชาญก่อน หากป่วยให้เข้ารับการรักษากับแพทย์เท่านั้น

ขอบคุณท่านผู้สนับสนุนการทำเนื้อหา ทรัพทย์ทวี จำหน่ายถุงกระสอบ ถุงกระสอบสำหรับงานขนย้ายต่างๆ ถุงสายรุ้ง ถุงไนลอน ถุงการ์ตูน และ ถุงล้อลาก ถุงราคาถูกที่ใครๆก็จับต้องได้

ต้นเดือย ลูกเดือย ธัญพืช คาร์โบไฮเดรตสูง สมุนไพร กากใยอาหารสูง ต้นเดือยเป็นอย่างไร ประโยชน์และสรรพคุณบำรุงร่างกาย บำรุงสายตา ลดความอ้วน โทษของเดือยมีอะไรบ้าง

เดือย สมุนไพร สมุนไพรไทย

ต้นเดือย ( Adlay ) ชื่อวิทยาศาสตร์ของเดือย คือ Coix lacryma-jobi L. เดือย เป็น พืชตระกูลเดียวกับต้นหญ้า นิยมปลูกมากในภาคอีสาน ลูกเดือย สามารถนำมาแปรรูปได้หลากหลาย เช่น น้ำลูกเดือย เครื่องเคียงน้ำเต้าหู้ นำมาทำแป้งสำหรับทำขนม เดือย มีถิ่นกำเนิดในแถบเทือกเขาหิมาลัย จากนั้นได้เผยแพร่เข้าสู่ประเทศแถบยุโรป ปัจจุบันเดือยสามารถปลูกทั่วโลก โดยเฉพาะเขตประเทศอบอุ่น

เดือยในประเทศไทย

สำหรับ เดือย พบว่ามีการนำมาปลูกครั้งแรกในประเทศไทย ใน ปี พ.ศ. 2503 ที่เขตนิคมสร้างตนเองของ จ.สระบุรี ลพบุรี และนครราชสีมา และในช่วงปี พ.ศ. 2513 ได้แพร่ไปยัง จ.ชัยภูมิ และเลย จนถึงภาคเหนือในปี พ.ศ. 2523  ลูกเดือย จัดเป็น พืชเศรษฐกิจของประเทศไทย แหล่งปลูกเดือยที่สำคัญ คือ ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดเลย คือ พื้นที่ปลูกเดือย ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สำหรับสายพันธ์ของเดือยที่ปลูกในประเทศไทย มี 3 ชนิด คือ ลูกเดือยหิน ลูกเดือยหินขบ และ ลูกเดือยทางการค้า โดยรายละเอียด ดังนี้

  • ลูกเดือยหิน ลูกเดือยชนิดนี้ปลูกมากในภาคเหนือ เขตภูเขาสูง ลักษณะของลำต้นไม่สูงมาก ไม่นิยมนำมารับประทาน เพราะ ให้แป้งน้อย เปลือกและเมล็ดแข็งมาก สามารถนำมาทำเครื่องประดับได้
  • ลูกเดือยหินขบ ลูกเดือยชนิดนี้ปลูกในภาคเหนือ ลักษณะลำต้นสูง สามารถรับประทานลูกเดือยได้
  • ลูกเดือยทางการค้า คือ ลูกเดือยที่นิยมรับประทานในปัจจุบัน เมล็ดคล้ายข้าวสาลี เปลือกบาง สีขาวขุ่น เดือย ชนิดนี้ มี 2 ประเภท คือ ลูกเดือยข้าวเหนียว ( glutinous type ) และ ลูกเดือยข้าวเจ้า ( nonglutinous type )

สายพันธุ์เดือย

สำหรับสายพันธ์เดือยที่มีการปลูกในปัจจุบันมี 4 สายพันธุ์ คือ var. lacryma-jobi , var. monilifur , var. stenocarpa และ var. ma-yuen รายละเอียด ดังนี้

  • var. lacryma-jobi เป็นสายพันธุ์ที่ขึ้นตามธรรมชาติ ลูกเดือยเป็นรูปข่ เปลือกแข็ง เมล็ดเงามัน ใช้ทำอาหารและเครื่องประดับได้
  • var. monilifur เป็นสายพันธุ์เดือยที่พบได้เฉพาะในประเทศพม่า และ ประเทศอินเดีย ไม่นิยมรับประทาน นำมาใช้ทำเครื่องประดับ
  • var. stenocarpa มะเดือยขี้หนอน ลักษณะของลูกเดือยคล้ายขวด นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ใช้ประดับเสื้อผ้า ทำสร้อย และ เครื่องประดับ
  • var. ma-yuen สายพันธุ์นี้ใช้นำมาทำอาหาร

ลักษณะของต้นเดือย

เดือย เป็นพืชล้มลุก ตระกูลเดียวกันกับข้าวและต้นหญ้า สามารถขยายพันธ์ โดยการเพาะเมล็ดพันธุ์ ลักษณะของต้นเดือย มีรายละเอียด ดังนี้

  • ลำต้นเดือย เหมือนกับกอหญ้าทั่วไป ลำต้นกลม และ ตั้งตรง เนื้อลำต้นอ่อน ความสูงประมาณ 1 เมตร ลำต้นเป็นปล้อง ผิวลำต้นเรียบ สีเขียว
  • ใบเดือย ลักษณะเรียวยาว สีเขียว กาบใบหุ้มลำต้น โคนใบหยัก ความยาวของใบประมาณ 45 เซนติเมตร ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ และ ขอบใบคม บาดมือได้
  • ดอกเดือย เป็นลักษณะช่อ แทงออกแทงจากปลายลำต้น ช่อดอกยาว 8 เซนติเมตร ดอกของเดือยจะพัฒนาไปเป็นผลเดือย
  • ผลและเมล็ดเดือย ผลเดือยจะพัฒนามาจากดอกเดือย ลักษณะของผลเดือย กลม เปลือกของเมล็ดแข็ง ผลเดือยนำมารับประทานเป็นอาหาร ได้

คุณค่าทางโภชนาการของเดือย

สำหรับการรับประทานจะนำเมล็ดหรือผลมารับประทาน ซึ่งนักโภชนาการได้ศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของลูกเดือย พบว่ารายละเอียด ดังนี้

คุณค่าทางโภชนาการของลูกเดือย ขนาด 100 กรัม พบว่ามีสารอาหารสำคัญ ประกอบด้วย โปรตีน 17.58 % ไขมัน 2.03 % คาร์โบไฮเดรต 51.58% ซิลิคอนไดออกไซด์ 0.1% แคลเซียม 0.04% แมกนีเซียม 0.06% โซเดียม 0.006% โปรแตสเซียม 0.14% ฟอสฟอรัส 0.15% และ กรดไขมัน

สำหรับสารสำคัญต่างๆที่พบในเดือย มีรายละเอียด ดังนี้

  • ลูกเดือย มีสารเคมีสำคัญ ประกอบด้วย coxenolide , Coixol , ethanediol , propanediol , butanediol
  • รากลูกเดือย มีสารเคมีสำคัญ ประกอบด้วย Lignin , Coixol , Palmitic Acid , Stearic Acid , Stigmeaterd และ Sitosterol

สารคอกซีโนไลด์ ( Coxenolide ) ที่พบในลูกเดือย มีสรรพคุณในการยับยั้งการเกิดเนื้องอก ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็ง ช่วยรักษาอาการตกขาวได้

ประโยชน์ของลูกเดือย

สำหรับประโยชน์ของเดือย นั้นจะนำลูกเดือยมารับประทานเป็นอาหาร นำมาทำเป็นอาหารคาวและอาหารหวานต่างๆ เนื่องจากลูกเดือยมีส่วนผสมของแป้ง มีการนำไปแปรรูปเป็นลูกเดือยอบกรอบ ลูกเดือยเปียก เต้าทึง น้ำลูกเดือย เป็นต้น สำหรับ สรรพคุณของเดือย เช่น ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยบำรุงสายตา ช่วยบำรุงเส้น เป็นต้น

สรรพคุณของเดือย

สำหรับประโยชน์ของเดือยด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค สามารถใช้ประโยชน์จาก ลูกเดือย ใบเดือย ลำต้นเดือย และ รากเดือย รายละเอียด ดังนี้

  • ลูกเดือย ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง สรรพคุณช่วยลดน้ำตาลในเลือด ช่วยบำรุงกระดูก ช่วยบำรุงสายตา ช่วยแก้อาการเหน็บชา ช่วยบำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย ช่วยป้องกันมะเร็ง ช่วยบำรุงผิวพรรณ แก้ร้อนใน ช่วยลดไข้ ลดอาการปวดหัว ช่วยบำรุงเลือดสำหรับสตรีหลังคลอด ช่วยรักษาอาการคลื่นไส้อาเจียน แก้ท้องร่วง บำรุงระบบทางเดินอาหาร แก้ปวดข้อเรื้อรัง ช่วยย่อยอาหาร ช่วยบำรุงเส้นผม รักษาการตกขาวผิดปกติในสตรี แก้เจ็บคอ รักษาวัณโรค ช่วยขับเลือด ช่วยขับหนอง
  • ใบเดือย สรรพคุณช่วยขับปัสสาวะ ช่วยรักษาโรคผิวหนัง แก้อาการผื่นคัน แก้ปัสสาวะเหลืองขุ่น
  • รากลูกเดือย มีรสขม สรรพคุณช่วยบำรุงเส้นผม ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยลดไข้ ช่วยขับพยาธิ แก้โรคหนองใน แก้ข้อเข่าเสื่อม ลดอาการปวดตามข้อ รักษาอาการตกขาว ช่วยให้ประจำเดือนมาปกติ

โทษของเดือย

สำหรับการรับประทานลูกเดือย อย่างปลอดภัย ต้องรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม ในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ว่าการบริโภคลูกเดือยไม่ปลอดภัย แต่ข้อควรระวังในการรับประทานลูกเดือย มีรายละเอียด ดังนี้

  • ลูกเดือยก่อนนำมารับประทานต้องนำมาทำให้อ่อนก่อน ไม่สามารถนำมารับประทานแบบแข็งๆ เนื่องจากอันตรายต่อระบบการย่อยิาหาร
  • สำหรับสตรีมีครรภ์ และ สตรีหลังคลอดบุตร ไม่ควรรับประทานลูกเดือย ลูกเดือยอาจเป็นพิษต่อตัวอ่อนในครรภ์ และทำให้มดลูกบีบตัว เป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์ได้
  • ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ควรระมัดระวังการรับประทานลูกเดือย เนื่องจากลูกเดือยสรรพคุณลดระดับน้ำตาลในเลือด อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลงมากเกินไป

ต้นเดือย ลูกเดือย ธัญพืช คาร์โบไฮเดรตสูง พืชพื้นเมือง กากใยอาหารสูง ต้นเดือยเป็นอย่างไร ประโยชน์และสรรพคุณบำรุงร่างกาย บำรุงสายตา ลดความอ้วน โทษของเดือยมีอะไรบ้าง

Fongza.com เว็บไซต์ที่ทำเนื้อหาเกี่ยวกับการให้ความรู้ด้านสุขภาพ โดยเราเชื่อว่าสุขภาพที่ดีต้องดีทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ เนื้อหาของเราจึงประกอบด้วย โรคต่างๆ การรักษาโรค สมุนไพร การเลี้ยงลูก แม่และเด็ก การออกกำลังกาย ความสวยความงาม โหงวเฮ้ง และ อาหารสุขภาพ โดยเน้นการให้ความรู้ ไม่ได้มีเจตนาให้คำวินิจฉัยการรักษาโรค การที่ท่านนำเนื้อหาของเราไปใช้ประโยชน์ให้ปรึกษาผู้เชียวชาญก่อน หากป่วยให้เข้ารับการรักษากับแพทย์เท่านั้น

ขอบคุณท่านผู้สนับสนุนการทำเนื้อหา ทรัพทย์ทวี จำหน่ายถุงกระสอบ ถุงกระสอบสำหรับงานขนย้ายต่างๆ ถุงสายรุ้ง ถุงไนลอน ถุงการ์ตูน และ ถุงล้อลาก ถุงราคาถูกที่ใครๆก็จับต้องได้

ถุงกระสอบ ถุงล้อลาก ถุงสายรุ้ง ถุงการ์ตูน
ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove

สมุนไพรน่ารู้

คนทั่วไปมักเข้าใจว่าสมุนไพร คือ พืชที่สามารถนำมาทำเป็นยาเท่านั้น แต่จริงๆแล้ว สมุนไพรนั้นหมายรวมถึง สัตว์ หรือ แร่ธาตุจากธรรมชาติด้วย เราได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับสมุนไพรไทยที่สามารถใช้รักษาโรคและบำรุงร่างกาย เพื่อประโยชน์กับทุกคน
ดอกคำฝอย สมุนไพร สรรพคุณของคำฝอย
ดอกคำฝอย
ว่านชักมดลูก สมุนไพร
ว่านชักมดลูก
โด่ไม่รู้ล้ม สมุนไพร สรรพคุณของโด่ไม่รู้ล้ม
ว่านโด่ไม่รู้ล้ม
หมามุ่ย สมุนไพร สรรพคุณหมามุ่ย
หมามุ่ย