ฟักทอง นิยมทานผลฟักทองเป็นอาหาร ต้นฟักทองเป็นอย่างไร คุณค่าทางโภชนาการ ประโยชน์และสรรพคุณบำรุงสายตา ลดความดัน ลดน้ำตาลในเลือด กากใยอาหารสูง โทษของฟักทอง

ฟักทอง สมุนไพร สมุนไพรไทย

ต้นฟักทอง ( Pumpkin ) ชื่อวิทยาศาสตร์ของฟักทอง คือ Cucurbita moschata Duchesne ชื่อเรียกอื่นๆของฟักทอง เช่น หมากอึ มะฟักแก้ว มะน้ำแก้ว น้ำเต้า หมักอื้อ หมากฟักเหลือง เหลืองเคล่า หมักคี้ล่า เป็นต้น ฟักทอง เป็นพืชตระกูลเดียวกันกับแตงกวา นิยมนำมาทำอาหารรับประทาน

สายพันธ์ของฟักทอง

สำหรับต้นฟักทอง สามารถแบ่งได้ 2 สายพันธ์ ใหญ่ คือ ฟักทองตระกูลอเมริกัน และ ฟักทองตระกูลสควอช โดยรายละเอียด ดังนี้

  • ฟักทองตระกูลอเมริกัน ( pumpkin ) จะมีลักษณะของผลฟักทองขนาดใหญ่ เนื้อผลยุ่ย
  • ฟักทองตระกูลสควอช ( Squash ) ลักษณะของผลฟักทองมีเปลือกแข็ง เนื้อแน่น ฟักทองตระกูลสควอช ได้แก่ ฟักทองไทย และ ฟักทองญี่ปุ่น

ลักษณะของต้นฟักทอง

ต้นฟักทอง เป็นพืชล้มลุก พืชคลุมดิน เป็นพืืชตระกูลเดียวกันกับแตงกวา นิยมปลูกริมรั้ว มีลำต้นเลื้อยตามดิน สามารถขยายพันธ์โดยการเพาะ เมล็ดพันธ์ โดยลักษณะของต้นฟักทอง ลำต้น ใบ ดอก และ ผล มีรายละเอียด ดังนี้

  • ลำต้นฟักทอง ลักษณะของลำต้น เป็นเถา ลักษณะอวบน้ำ มีขนอ่อนๆ เลื้อยไปตามพื้นดิน และ เกาะตามเสา เถามีสีเขียว
  • ใบฟักทอง ลักษณะของใบเป็นใบเดี่ยว สีเขียว มีขนอ่อนๆ ใบมีขนาดใหญ่เป็นหยักๆ 5 หยัก
  • ดอกฟักทอง ลักษณะของดอกฟักทองเป็นช่อ สีเหลือง ออกดอกตากยอดของเถา ดอกคล้ายรูประฆัง
  • ผลฟักทอง มีลักษณะกลม แบน ใหญ่ เปลือกภายนอกผิวไม่เรียบ แข็ง และ ขรุขระ เปลือกผลอ่อนมีสีเขียว เปลือกผลสุกสีน้ำตาล เนื้อของผลมีสีเหลือง ภายในมีเมล็ดจำนวนมาก มีสีขาว

คุณค่าทางโภชนาการของฟักทอง

ผลฟักทอง นิยมนำมารับประทานเป็นอาหาร โดยนำมาทำให้สุก ฟักทอง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมาย  เช่น วิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี5 วิตามินบี6 วิตามินซี วิตามินอี ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุแคลเซียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุโซเดียม ธาตุแมงกานีส ธาตุเหล็ก ซิงค์ เป็นต้น นักโภชนาการได้ศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของผลสุกฟักทอง มีรายละเอียด ดังนี้

คุณค่าทางโภชนาการของฝักทอง ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 26 กิโลแคลอรี มีสารอาหารสำคัญ ประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต 6.5 กรัม น้ำตาล 2.76 กรัม กากใยอาหาร 0.5 กรัม ไขมัน 0.1 กรัม โปรตีน 1 กรัม วิตามินเอ 476 ไมโครกรัม เบตาแคโรทีน 3,100 ไมโครกรัม ลูทีนและซีแซนทีน 1,500 ไมโครกรัม วิตามินบี1 0.05 มิลลิกรัม วิตามินบี2 0.11 มิลลิกรัม วิตามินบี3 0.6 มิลลิกรัม วิตามินบี5 0.298 มิลลิกรัม วิตามินบี6 0.061 มิลลิกรัม วิตามินบี9 16 ไมโครกรัม วิตามินซี 9 มิลลิกรัม วิตามินอี 0.44 มิลลิกรัม วิตามินเค 1.1 ไมโครกรัม ธาตุแคลเซียม 21 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 0.8 มิลลิกรัม ธาตุแมกนีเซียม 12 มิลลิกรัม ธาตุแมงกานีส 0.125 มิลลิกรัม ธาตุฟอสฟอรัส 44 มิลลิกรัม ธาตุโพแทสเซียม 340 มิลลิกรัม ธาตุโซเดียม 1 มิลลิกรัม และ ธาตุสังกะสี 0.32 มิลลิกรัม

เนื้อของผลฟักทองมีกากใยสูง และ มี กรดโพรไพโอนิก ที่มีสรรพคุณทำให้เซลล์มะเร็งอ่อนแอลง

เมล็ดฟักทอฟักทอง มี สารคิวเคอร์บิทีน สรรพคุณช่วยขับพยาธิตัวตืด

สรรพคุณของฟักทอง

สำหรับการใช้ประโยชน์จากฟักทอง ด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค สามารถใช้ประโยชน์จาก ใบ ดอก เมล็ด ราก และ ผล โดยรายละเอียด ดังนี้

  • เมล็ดฟักทอง สรรพคุณกำจัดพยาธิตัวตืด ขับปัสสาวะ ป้องกันการเกิดนิ่ว ป้องกันมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ช่วยบำรุงประสาท ป้องกันโรคต่อมลูกหมาก ช่วยปรับระดับฮอร์โมนเพศชาย
  • รากฟักทอง สรรพคุณแก้ไอ บำรุงร่างกาย
  • เยื่อกลางของผลฟักทอง สรรพคุณใช้พอกแผล แก้รฟกช้ำ แก้ปวดอักเสบ
  • ผลฟักทอง สรรพคุณช่วยควบคุมน้ำหนัก ช่วยบำรุงระบบขับถ่าย บำรุงระบบทางเดินอาหาร รักษาแผลในกระเพาะอาหาร บำรุงผิว ช่วยทำให้ผิวพรรณผ่องใส สำหรับสตรีหลังคลอดบุตร ช่วยย่อยอาหาร บำรุงกำลัง ลดการอักเสบ แก้ปวด
  • เปลือกของผลฟักทอง สรรพคุณควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย รักษาโรคเบาหวาน ควบคุมความดันโลหิต บำรุงตับ บำรุงไต บำรุงดวงตา

โทษของฟักทอง

สำหรับการรับประทาน ฟักทอง เมล็ดฟักทอง ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ทำให้เกิดอันตายต่อร่างกาย แต่หากกินในปริมาณที่มากเกินไป ทำให้เกิดอันตรายได้ โดยข้อควรระวังในการกินฟักทอง มีดังนี้

  • การรับประทานเมล็ดฟักทอง ในปริมาณมากเกินไป อาจทำให้เกิดการสะสมของแก็สในระบบทางเดินอาหาร ทำให้ท้องอืด ปวดท้องได้
  • เมล็ดฟักทอง มีไขมันและแคลอรี่สูง หากกินมากเกินไป อาจทำให้ประมาณไขมัน สะสมในเส้นเลือดมากขึ้น
  • สตรีมีครรภ์ไม่ควรกินเมล็ดฟักทองได้ อาจทำให้แก๊สสะสมในท้อง ทำให้แน่นท้อง ปวดท้องได้
  • ฟักทอง มีฤทธิ์อุ่น สำหรับกลุ่มคนที่มีอาการ เช่น กระหายน้ำ ปากเหม็น หิวง่าย ปัสสาวะเหลือง ท้องผูก มีแผลในช่องปาก เหงือกบวม ไม่ควรทานฟักทองมากเกินไป เพราะ อาจกระตุ้นให้ร่างกายร้อนขึ้น อาจทำให้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ไม่สบายท้อง

ฟักทอง พืชล้มลุก นิยมรับประทานผลฟักทอง ลักษณะของต้นฟักทองเป็นอย่างไร คุณค่าทางโภชนาการของฟักทอง ประโยชน์และสรรพคุณของฟักทอง บำรุงสายตา ลดความดัน ลดน้ำตาลในเลือด กากใยอาหารสูง โทษของฟักทอง มีอะไรบ้าง

Fongza.com เว็บไซต์ที่ทำเนื้อหาเกี่ยวกับการให้ความรู้ด้านสุขภาพ โดยเราเชื่อว่าสุขภาพที่ดีต้องดีทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ เนื้อหาของเราจึงประกอบด้วย โรคต่างๆ การรักษาโรค สมุนไพร การเลี้ยงลูก แม่และเด็ก การออกกำลังกาย ความสวยความงาม โหงวเฮ้ง และ อาหารสุขภาพ โดยเน้นการให้ความรู้ ไม่ได้มีเจตนาให้คำวินิจฉัยการรักษาโรค การที่ท่านนำเนื้อหาของเราไปใช้ประโยชน์ให้ปรึกษาผู้เชียวชาญก่อน หากป่วยให้เข้ารับการรักษากับแพทย์เท่านั้น

ขอบคุณท่านผู้สนับสนุนการทำเนื้อหา ทรัพทย์ทวี จำหน่ายถุงกระสอบ ถุงกระสอบสำหรับงานขนย้ายต่างๆ ถุงสายรุ้ง ถุงไนลอน ถุงการ์ตูน และ ถุงล้อลาก ถุงราคาถูกที่ใครๆก็จับต้องได้

ต้นมะระ ผลมะระมีรสขม นิยมนำมารับประทานเป็นอาหาร มะระขี้นก มะระจีน ลักษณะของต้นมะระ สรรพคุณช่วยเจริญอาหาร บำรุงเลือด ลดน้ำตาลในเลือด โทษของมะระ มีอะไรบ้าง

มะระ สมุนไพร สมุนไพรไทย

มะระ ( Bitter melon ) ชื่อวิทยาศาสตร์ของมะระ คือ Momordica charantia L. ชื่อเรียกอื่นๆของมะระ เช่น  ผักเหย , ผักไห , มะร้อยรู , มะห่อย , มะไห่ , สุพะซู , สุพะเด เป็นต้น ต้นมะระ พืชล้มลุก ประเภทไม้เลื้อย จัดเป็นพืชตระกุลแตง ขึ้นในประเทศเขตร้อน มะระที่นิยมรับประทาน มี 2 สายพันธุ์ คือ มะระขี้นก และ มะระจีน

ชนิดของมะระ

สำหรับ มะระที่พบว่าปลูกในประเทศไทย สามารถแบ่งมะระออกเป็น 4 สายพันธ์ คือ มะระขี้นก มะระจีน มะระสองพี่น้อง และ มะระย่างกุ้ง โดยรายละเอียด ดังนี้

  • มะระขี้นก ลักษณะของผลมะระจะเล็ก ผิวของผลขรุขระ ทรงเรียวยาวป้อม ผลมะระมีรสขมมาก เนื้อผลบาง
  • มะระจีน ลักษณะของผลมะระใหญ่ เรียว ยาวประมาณ 30 เซ็นติเมตร ผลมีสีเขียว รสขม มีเนื้อผลมาก นิยมรับประทานมากที่สุด
  • มะระสองพี่น้อง เป็นพันนธุ์ ผสมจากมะระจีน มีผลขนาดใหญ่กว่ามะระจีน ขมน้อยกว่า น่ารับประทาน
  • มะระย่างกุ้ง ลักษณะผลเล็ก รูปร่างยาว ผิวของผลขรุขระ รสขมน้อย

ลักษณะของต้นมะระ

ต้นมะระ จัดเป็นพืชตระกูลเดียวกันกับแตงกวา แต่เอกลักษณ์ของมะระ คือ รสขมของผลมะระ สามารถปลูกได้ในประเทศเขตร้อน โดยเฉพาะ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถขยายพันธ์โดยการเพาะเมล็ด ลักษณะของต้นมะระ มีดังนี้

  • ลำต้นมะระ เป็นเถาไม้เลื้อย เถายาวเกาะตามเสา หรือ พื้นที่ที่ต่างๆ ลำต้นอุ้มน้ำมาก มีขนอ่อนๆ
  • ใบมะระ เป็นใบเดี่ยว ลักษณะของใบคล้ายรูปฝ่ามือ ขอบใบหยักเป็นซี่ห่างๆ ใบเว้าเป็นแฉกๆ ใบมีขนอ่อนๆ
  • ดอกมะระ ออกเป็นชอ มีสีเหลือง ออกดอกตามซอกใบ
  • ผลมะระ มีสีเขียวทรงยาวเรียว ผิวของผลลักษณะขรุขระ มะระสุกมีสีเหลือง ภายในมีเมล็ด ผลมะระมีรสขมมาก

คุณค่าทางโภนาการของมะระ

มะระมีรสขม เนื่องจากในเนื้อผลมะระมีสารเคมีชนิดหนึ่ง เรียก Momodicine ให้รสขมมาก แต่มีประโยชน์การช่วยกระตุ้นความรู้สึกอยากกินอาหาร นักโภชนาการได้ศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของผลมะระ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

คุณค่าทางโภชนาการของผลมะะระจีน ขนาด 93 กรัม พบว่ามีสารอาหารต่างๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี5 วิตามินบี6 วิตามินซี สารโฟเลต ธาตุแคลเซียม ธาตุเหล็ก ธาตุแมกนีเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุทองแดง และ ธาตุสังกะสี

สรรพคุณของมะระ

สำหรับประโยชน์ของมะระ ในด้านการบำรุงร่างกาย และ การรักษาโรค นั้น สามารถใช้ประโยชน์จาก ราก ใบ ผล เมล็ด และ ลำต้น โดยรายละเอียด ดังนี้

  • ผลมะระ มีรสขมมาก สรรพคุณช่วยชะลอวัย มีสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็ง ช่วยเจริญอาหาร ช่วยย่อยอาหาร บำรุงสายตา บำรุงกระดูกและฟัน รักษาโรคเบาหวาน ลดน้ำตาลในเลือด บำรุงเลือด ต้านเชื้อไวรัส ป้องกันหวัด รักษาแผลในปาก ช่วยขับถ่าย เป็นยาระบายอ่อนๆ บำรุงตับ กระตุ้นการทำงานของตับ รักษาโรคผิวหนัง รักษาผิวหนังอักเสบ รักษาผิวแห้ง
  • ผลมะระสุก ใช้รักษาสิว
  • ใบมะระ สรรพคุณช่วยแก้กระหายน้ำ รักษาโรคหวัด รักษาแผลในกระเพาะอาหาร รักษาโรคริดสีดวงทวาร แก้ฟกช้ำ แก้ปวดบวม
  • ลำต้นมะระ สรรพคุณลดความร้อนในร่างกาย แก้ปวดท้อง
  • เมล็ดมะระ สรรพคุณช่วยปรับสมดุลย์ร่างกาย ช่วยขั บพยาธิตัวกลม
  • รากมะระ สรรคุณช่วยรักษาหวัด แก้ปวดท้อง

โทษของมะระ

สำหรับรับมะระนั้น มีรสขม ซึ่งสรรพคุณของความขมเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ทำให้เกิดอาการคลื้นไส้อาเจียน สำหรับคนที่ร่างกายไม่ถูกฝึกให้กินขม ข้อควรระวังในการรับประทานมะระ มีรายละเอียด ดังนี้

  • สำหรับหญิงมีครรภ์ ไม่ควรกินมะระ เพราะ มะระอาจทำให้มีเลือดออกระหว่างตั้งครรภ์ และ อาจเป็นสาเหตุของการแท้งได้
    เด็ก ห้ามรับประทานเยื่อหุ้มเมล็ดของมะระที่มีสีแดง เพราะอาจเป็นพิษต่อร่างกาย
  • มะระมีสรรพคุณในการลดน้ำตาลในเลือด สำหรับคนที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ไม่ควรรับประทานมะระมากเกิน
  • สำหรับป่วยที่มีแผนในการเข้ารับการผ่าตัด ควรหยุดรับประทานมะระ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด เพราะ อาจทำให้การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดทั้งในระหว่างการผ่าตัดและหลังการผ่าตัดมีปัญหา
  • การรับประทานผลสุกของมะระ อาจจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน เพราะ มีสารซาโปนิน ( Saponin ) ซึ่งเป็นพิษต่อร่างกาย

การเลือกซื้อมะระ

สำหรับการเลือกมะระ ที่เหมาะสำหรับนำมาทำอาหาร ให้เลือกมะระที่ไม่ดิยเกินไป และ ไม่แต่เกินไป ให้สังเกตุสีของมะระ ออกสีเขียวอ่อนๆ ขนาดใหญ่ ผิวของมะระรอยหยักใหญ่ รอยหยักไม่มาก จะได้มะระที่มีความขมไม่มากนัก และ เนื้อมะระมาก โดยลักษณะของเนื้อมะระต้องแข็ง หากอ่อนนุ่ม แสดงว่ามะระกำลังจะเน่า

การทำให้มะระไม่ขม

เมื่อได้มะระมาแล้ว ให้นำมะระมาผ่าออก เอาเมล็ดออกให้หมด และ นำมาแช่ในน้ำผสมเกลือ ซึ่งเกลือจะช่วยลดความขมของมะระ แช่ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นนำมาแช่ในน้ำเปล่า เวลานำมะระมาทำอาหาร หากต้องการลดความขมอีก ให้นำมะระไปต้มในน้ำก่อน ให้มะระคายความขมออก หลังจากนั้นจึงนำเอามะระไปใส่ในอาหาร และ น้ำต้มมะระให้ทิ้งไปเลย เพราะน้ำจะขมมาก

ต้นมะระ พืชสวนครัว ผลมะระ มีรสขม นิยมนำมารับประทานเป็นอาหาร มะระขี้นก มะระจีน ลักษณะของต้นมะระ สรรพคุณของมะระ เช่น ช่วยเจริญอาหาร บำรุงเลือด ลดน้ำตาลในเลือด โทษของมะระ มีอะไรบ้าง

Fongza.com เว็บไซต์ที่ทำเนื้อหาเกี่ยวกับการให้ความรู้ด้านสุขภาพ โดยเราเชื่อว่าสุขภาพที่ดีต้องดีทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ เนื้อหาของเราจึงประกอบด้วย โรคต่างๆ การรักษาโรค สมุนไพร การเลี้ยงลูก แม่และเด็ก การออกกำลังกาย ความสวยความงาม โหงวเฮ้ง และ อาหารสุขภาพ โดยเน้นการให้ความรู้ ไม่ได้มีเจตนาให้คำวินิจฉัยการรักษาโรค การที่ท่านนำเนื้อหาของเราไปใช้ประโยชน์ให้ปรึกษาผู้เชียวชาญก่อน หากป่วยให้เข้ารับการรักษากับแพทย์เท่านั้น

ขอบคุณท่านผู้สนับสนุนการทำเนื้อหา ทรัพทย์ทวี จำหน่ายถุงกระสอบ ถุงกระสอบสำหรับงานขนย้ายต่างๆ ถุงสายรุ้ง ถุงไนลอน ถุงการ์ตูน และ ถุงล้อลาก ถุงราคาถูกที่ใครๆก็จับต้องได้

ถุงกระสอบ ถุงล้อลาก ถุงสายรุ้ง ถุงการ์ตูน
ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove

สมุนไพรน่ารู้

คนทั่วไปมักเข้าใจว่าสมุนไพร คือ พืชที่สามารถนำมาทำเป็นยาเท่านั้น แต่จริงๆแล้ว สมุนไพรนั้นหมายรวมถึง สัตว์ หรือ แร่ธาตุจากธรรมชาติด้วย เราได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับสมุนไพรไทยที่สามารถใช้รักษาโรคและบำรุงร่างกาย เพื่อประโยชน์กับทุกคน
ดอกคำฝอย สมุนไพร สรรพคุณของคำฝอย
ดอกคำฝอย
ว่านชักมดลูก สมุนไพร
ว่านชักมดลูก
โด่ไม่รู้ล้ม สมุนไพร สรรพคุณของโด่ไม่รู้ล้ม
ว่านโด่ไม่รู้ล้ม
หมามุ่ย สมุนไพร สรรพคุณหมามุ่ย
หมามุ่ย